5 ขั้นตอนในการ ชงกาแฟแบบ French Press

หากคุณยังไม่เคยได้ลองใช้เครื่อง ชงกาแฟแบบ French Press ก็น่าสนใจที่จะหามาลองหรือซื้อติดบ้านไว้ เครื่องชงกาแฟแบบ French Press นี้ นับว่าเป็นเครื่องชงกาแฟที่ใช้งานง่าย และมีความสะดวกสบายมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงความเป็นศิลปะของกาแฟไว้อย่างครบถ้วน เหมาะสำหรับมือใหม่และมือเก่าในการชงกาแฟ วันนี้เราจะมาว่ากันด้วยเรื่องของการชงกาแฟแบบ French Press และรายละเอียดต่าง ๆ มากมาย เช่น อุณหภูมิของน้ำที่เราจะใช้ ลักษณะการบดเมล็ดกาแฟ ระยะเวลาที่ใช้ในการชงกาแฟ ปริมาณกาแฟที่ควรใช้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่จะทำให้กาแฟของเราแตกต่างออกไป

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับเครื่องชงกาแฟแบบ French Press กันก่อน ด้วยการใช้ที่ค่อนข้างง่าย และลักษณะรูปลักษณ์ที่สวยงาม ทำให้เครื่องชงกาแฟนี้เป็นที่นิยมในหลายพื้นที่ทั่วโลกเลยทีเดียว เครื่อง ชงกาแฟแบบ French Press ถูกเรียกกันด้วยหลายต่อหลายชื่อ เช่น cafetière, coffee press, coffee plunger และ press pot ส่วนประกอบของเครื่องชงกาแฟแบบนี้จะมีบีกเกอร์ที่เป็นฐาน มีที่กดกาแฟ ลูกสูบ และมีตัวกรองกาแฟหรือฟิลเตอร์ โดยปกติแล้ววิธีใช้เครื่องนี้จะใช้น้ำร้อนใส่ลงไปในบีกเกอร์ เมื่อแช่กาแฟได้ตามระยะเวลาที่กำหนด เราจะทำการกดกากกาแฟลงด้านล่างหม้อด้วยตะแกรงผ่านฟิลเตอร์ ซึ่งนับว่าการชงกาแฟแบบนี้เป็นการชงกาแฟที่ง่ายที่สุดวิธีหนึ่งเลยทีเดียว

วิธีการ ชงกาแฟแบบ French Press อย่างมืออาชีพใน 5 ขั้นตอน

ไม่ว่าคุณจะเลือกเครื่องชงกาแฟที่มีรูปลักษณ์หรือรูปทรงแบบไหนก็ตาม แต่หากกล่าวถึงวิธีชงกาแฟแบบ French Press นั้น ส่วนมากจะใช้วิธีเดียวกันทั้งหมด โดยปกติแล้วการชงกาแฟแบบนี้ เรามักจะใช้วิธีการแช่กาแฟไว้ หมายความว่า หลังจากที่เราบดกาแฟไว้แล้ว เราจะทำการแช่กาแฟนั้นไว้ในน้ำร้อน แล้วจากนั้นก็ทำการกรองกากกาแฟออก วิธีการชงแบบนี้ดูเหมือนจะเป็นวิธีที่ช่างง่ายดาย แต่แท้จริงแล้วก็มีรายละเอียดที่มีความสำคัญหลายต่อหลายอย่าง หากอยากจะดึงรสชาติของกาแฟที่ใช้วิธีการชงแบบนี้ให้ออกมาดีที่สุดก็จะต้องใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้

ลักษณะกาแฟที่บดนั้นสำคัญ

โดยปกติแล้ว ถ้าอยากให้ผลลัพธ์ของการชงกาแฟแบบนี้ดีที่สุด มักจะใช้กาแฟบดหยาบ การชงกาแฟแบบ French Press จะไม่ใช้ตัวกรองหรือฟิลเตอร์ที่เป็นกระดาษ แต่มักจะใช้ฟิลเตอร์ที่เป็นตาข่ายหรือผ้าแทน การใช้กาแฟบดหยาบในการชงนั้นจะช่วยให้การชงกาแฟดีขึ้นและง่ายขึ้น น้ำจะไหลผ่านฟิลเตอร์ได้ดีกว่า และกาแฟที่ได้ของเราจะไม่เป็นตะกอนด้วย

roasted coffee beans

นอกจากนี้การบดกาแฟให้หยาบยังส่งผลให้ได้รสชาติที่มีความสมดุลมากขึ้น มันจะมาดึงรสชาติที่สมบูรณ์แบบของกาแฟตัวนั้นออกมาได้ดีที่สุด อีกทั้งยังสามารถดึง acidity ออกมาได้ดีกว่าด้วย เนื่องจากในกระบวนการแช่กาแฟนั้น กาแฟที่เราบดจำเป็นที่จะต้องสัมผัสกับน้ำร้อนเป็นเวลานาน การใช้กาแฟที่บดหยาบจะช่วยลดอัตราการสกัดกาแฟที่มากเกินไป ซึ่งการสกัดออกมามากเกินไปจะทำให้กาแฟของเราขม และมีกลิ่นที่เจือจางลงด้วย

นอกจากนี้ในการดึงรสชาติและกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของกาแฟออกมาได้อย่างเต็มที่ จำเป็นที่น้ำจะต้องไหล ไปรอบ ๆ กาแฟของเราด้วย และอัตราส่วนที่พอดีกับการชงกาแฟ ด้วยวิธีนี้กาแฟบดหยาบจึงดีกว่า

ทางที่ดีอยากให้เราเลือกเมล็ดกาแฟที่เราชื่นชอบ และใช้เครื่องบดดีกว่าการบดด้วยมือ เนื่องจากจะทำให้อัตราการบดเมล็ดกาแฟนั้นเท่ากันและมีคุณภาพ ทั้งนี้ก็เพื่อรสชาติและกลิ่นที่ดีที่สุด หรืออาจทดลอง บดกาแฟหลาย ๆ ขนาด เพื่อเปรียบเทียบและค้นหาสูตรที่ดีที่สุดของตัวเอง

อัตราส่วนของกาแฟกับน้ำ

จะบอกว่า ไม่มีอัตราส่วนที่ดีที่สุดสำหรับวิธีการชงกาแฟแบบนี้ อยู่ที่ว่าเราชอบหรือไม่ชอบแบบไหนมากกว่า แต่หากกล่าวให้เป็นกลาง แนะนำว่าใช้กาแฟตั้งแต่ 2-3 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 8 ออนซ์ จะได้กาแฟ 1 เสิร์ฟหรือ 1 ถ้วยพอดี

เรื่องของอัตราส่วนน้ำกับกาแฟก็เป็นเรื่องสำคัญ หากใช้ปริมาณน้ำที่น้อย กาแฟที่ได้จะมีความเข้มข้นขึ้นมา และหากใช้น้ำในปริมาณที่เยอะ ก็จะมีความเจือจางลงมา ทั้งนี้อยู่ที่ความชอบส่วนบุคคลครับ

Barista making non traditional coffee in french press

อุณหภูมิของน้ำก็สำคัญ

โดยปกติแล้วการชงกาแฟแบบ French Press นั้นเราจะใช้น้ำร้อน แต่ก็ไม่ถึงกับอุณหภูมิน้ำเดือด ซึ่งอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 220-250 องศาฟาเรนไฮต์ ถ้าให้ดีอยากให้ใช้กาต้มน้ำที่มีเทอร์โมมิเตอร์ด้วย ซึ่งจะให้อุณหภูมิที่ค่อนข้างแม่นยำ หรือหากว่าไม่มีจริง ๆ วิธีที่แนะนำคือต้มน้ำให้เดือด แล้วจากนั้นปิดไฟแล้วปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลา 30 วินาทีถึง 1 นาที น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด

บางคนมีการใช้วิธีการอุ่นเครื่องชงด้วยน้ำร้อนก่อนที่จะนำมาใช้ เพื่อให้กาแฟของเราร้อนนานขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นไอเดียที่ค่อนข้างดี ในวันที่สภาพอากาศหนาวเย็นหรืออยู่ในห้องที่มีอากาศเย็น วิธีการคือ การเทน้ำร้อนลงใน เครื่องชง จากนั้นเทออก แล้วทำการเช็ดเครื่องให้แห้งเพื่อไม่ให้กาแฟที่บดเกาะติดรอบเครื่องชงกาแฟของเรา และทำให้เราชงกาแฟออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ใช้ระยะเวลาที่เหมาะสมในการชงกาแฟ

กระบวนการชงกาแฟแบบ French Press ทั้งหมดได้แก่ การตวงปริมาณกาแฟบดที่ต้องการลงในบีกเกอร์ จากนั้นใส่น้ำในปริมาณที่เหมาะสม และทำการเทน้ำให้ทั่วเครื่องชง จากนั้นปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลา 30 วินาที จนเราเห็นกาแฟของเราบานขึ้นและเกิดฟอง จากนั้นทำการคนกาแฟเล็กน้อย เติมน้ำลงไปอีกหน่อย แล้วคนอีกครั้ง

ปล่อยทิ้งไว้เป็นระยะเวลา 3-4 นาที หรือหากเราปล่อยทิ้งไว้นานกว่านั้น รสชาติของกาแฟที่ได้ก็จะมีความเข้มข้นขึ้น บางครั้งอาจมีความเข้มข้นมากจนเกินไปเสียด้วยซ้ำ ทางที่ดีหากอยากได้กาแฟที่มีความสมดุล ให้ลองกับอัตราส่วนน้ำ กาแฟ ลักษณะการบดของเมล็ดกาแฟ และใช้เวลา 3-4 นาที ให้อยู่ในนี้น่าจะดีที่สุด

เวลาที่ใช้ในการดื่ม

หลังจากที่เราแช่กาแฟไว้ระยะเวลาหนึ่งแล้ว ให้ทำการใช้ลูกสูบดันกาแฟลงไปด้านล่างอย่างช้า ๆ และสม่ำเสมอ ให้เบามือและรู้สึกว่าช้าจริง ๆ ในที่สุดกาแฟของเราก็เสร็จสิ้นและพร้อมดื่ม โดยสามารถเสิร์ฟได้จากในโถกาแฟหรือเครื่องชงกาแฟนั่นเลย

หากเราไม่ได้ดื่มกาแฟให้หมดในทีเดียว เราก็ไม่ควรที่จะแช่กาแฟไว้ในเครื่องชงแบบนั้น เพราะการที่เรายังคง ปล่อยให้กาแฟอยู่ในเครื่องชง กาแฟของเราจะทำการสกัดต่อ เนื่องจากในเครื่องยังคงมีกากกาแฟอยู่

Pouring French press coffee

การใช้ประโยชน์อื่น ๆ ของเครื่อง French Press

นอกจากจะใช้ในการชงกาแฟเลย เครื่องชงกาแฟแบบ French Press ยังเหมาะสมกับเมนูชาต่าง ๆ ยิ่งถ้าเครื่องชงเป็นแก้ว เราจะสามารถเห็นสีชาที่สวยงามข้างในได้ด้วย

อีกอย่างที่น่าสนใจกับการใช้เครื่องชงกาแฟ French Press คือ การลองนำกาแฟที่ได้ไปทำเป็นกาแฟเย็นดู รับรองว่าถูกใจคอกาแฟหลายคนอย่างแน่นอน