กาแฟสกัดเย็น หรือ Cold Brew นับว่าเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ชื่นชอบกาแฟบางกลุ่ม เนื่องด้วยมีความสดชื่น มีรสชาติที่มีความหวานเล็กน้อยและมี acidity ที่ต่ำ ทำให้กาแฟมีความบริสุทธิ์ และสามารถดื่มกันได้แบบเรียบง่าย
แต่ภายใต้รสชาติที่แสนอร่อยนั้น ยังมีเรื่องราวมากมายที่เราต้องรู้ ดังนั้น วันนี้ผมจะมาว่าด้วยเรื่องของศาสตร์แห่งกาแฟสกัดเย็น อย่างไรจะเรียกว่าเป็นกาแฟที่ดีที่สุด ปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อความแตกต่างในกาแฟ รวมถึงวิธีที่เราสามารถทํากาแฟสกัดเย็นกินเองได้ที่บ้าน
กาแฟสกัดเย็น กับ กาแฟเย็น
หากเราเคยลองดื่ม Cold Brew ดู เราอาจคิดว่า กาแฟแก้วนี้มีความแตกต่างกับกาแฟเย็นธรรมดาอย่างไร เพราะทั้งสองดูแล้วก็มีความคล้ายกันอยู่มาก แต่ความแตกต่างใหญ่ที่สำคัญคือ วิธีการต้มกาแฟ หรือทำกาแฟนี่เอง ซึ่งสิ่งนี้ทำให้รสชาติของทั้งสองแตกต่างกันมากเลยทีเดียว
ในการทำกาแฟเย็นนั้น เราจะเริ่มตั้งต้นด้วยการทำกาแฟร้อนก่อน โดยจะใช้วิธีสกัดกาแฟวิธีใดวิธีหนึ่งที่นิยมใช้เช่น การทำกาแฟดริป การทำกาแฟแบบ French Press แล้วจากนั้นจึงทำให้อุณหภูมิกาแฟนั้นเย็นลง โดยการอาจนำไปแช่ตู้เย็น หรืออาจจะใส่น้ำแข็งลงไปเลยก็มี รสชาติกาแฟที่ได้ก็ยังจะคงเป็นกาแฟที่ชงด้วยน้ำร้อนอยู่ดี แต่กาแฟสกัดเย็นนั้นแตกต่างออกไป ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า “สกัดเย็น” ดังนั้น การตั้งต้นทำกาแฟสกัดเย็นจะเริ่มด้วยน้ำเย็นไปจนถึงน้ำอุณหภูมิห้อง การชงแบบนี้จึงจำเป็นต้องอาศัยเวลาและค่อย ๆ ชงแบบช้า ๆ ต่างจากการชงกาแฟเย็นที่ใช้น้ำร้อนและใช้เวลาค่อนข้างเร็ว

ผลลัพธ์และระยะเวลาในการชงกาแฟ
แน่นอนว่า อุณหภูมิของน้ำที่ใช้ในการชงกาแฟนั้นส่งผลต่อรสชาติของกาแฟ หากเราต้มกาแฟแบบธรรมดาที่เราจะใช้น้ำร้อน น้ำร้อนนั่นเองจะดึงเอาคุณสมบัติบางอย่างของเมล็ดกาแฟออกมา ซึ่งคือจะนำเอาความเป็น acidity และความสว่างออกมา อีกทั้งยังสามารถดึงท็อปโน้ตของกาแฟออกมาได้ด้วย
ในทางกลับกัน การชงกาแฟโดยใช้น้ำเย็นนั้นจะมีความนุ่มนวล และกาแฟที่ได้จะมีความลึกกว่า ในที่นี้ ในกาแฟ Cold Brew กากกาแฟของเราจะไม่สัมผัสกับน้ำร้อน การใช้น้ำเย็นนี้เองจะดึงเอาความเข้มข้นและความลึกของกาแฟออกมา ในขณะเดียวกันก็ทำให้กาแฟของเรามี acidity ที่ต่ำ และด้วยการที่เราไม่ได้ใช้น้ำร้อนในการชง กระบวนการการชงจะมีความช้ากว่ามาก ๆ แต่ในความช้าและการที่เราต้องอดทนรอนั้น กาแฟที่ได้นับว่าคุ้มค่าแก่การรอคอย เพราะเราจะได้กาแฟที่มีความสมดุลและมีความกลมกล่อมเป็นอย่างมาก
แล้วเราจะใช้เวลาในการชงเท่าไหร่ การชงกาแฟ Cold Brew บางวิธีจะใช้เวลาอยู่ที่ประมาณ 5-6 ชั่วโมง แต่โดยปกติพื้นฐานแล้ว จะใช้เวลาอยู่ที่ 12-24 ชั่วโมงเลยที บางวิธีการ เราแทบจะไม่ต้องลงมือทำอะไรเลย เพียงแค่รอให้ถึงเวลาที่เราจะได้ดื่มกาแฟแสนอร่อยเท่านั้น
รสชาติของกาแฟสกัดเย็น
กาแฟสกัดเย็นนั้นจะมีรสชาติที่มีความเข้มข้นและกลมกล่อมเป็นอย่างมาก โดยปกติจะมีโน้ตของช็อกโกแลตและถั่วคั่ว คนที่ชอบดื่มกาแฟกับนม หากได้ลองกาแฟสกัดเย็นก็จะชอบเหมือนกัน เนื่องจากกาแฟนั้นมี acidity ต่ำ การชงกาแฟสกัดเย็นจึงค่อนข้างที่จะทำให้กาแฟของเรากลมกล่อม ได้โดยไม่ต้องใส่นมเพิ่มลงไปเลย
อีกทั้งกาแฟสกัดเย็นนี้ยังสามารถที่จะดึงความหอมหวานของกาแฟออกมาได้ ในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ลดความขมของกาแฟนั้นลง ดังนั้น เราจึงไม่จำเป็นที่จะต้องเติมน้ำตาลลงไปในกาแฟเพื่อเพิ่มความหวาน เพราะตัวกาแฟเองนั้นมีความสมดุลกันอยู่แล้ว
วิธีทำกาแฟสกัดเย็น
วันนี้จะมานำเสนอ 2 วิธีทํากาแฟสกัดเย็นง่าย ๆ ซึ่งเป็นวิธีที่คุณสามารถทำเองได้ที่บ้านโดยที่ไม่จำเป็นจะต้องใช้อุปกรณ์ใด ๆ มากมาย
Drip Cold Brew
การทำกาแฟ Drip Cold Brew คล้ายกับการทำกาแฟดริปธรรมดา ๆ โดยการที่เราจะทำการเทน้ำลงบนกากกาแฟ น้ำที่ใช้ก็จะเป็นน้ำเย็น จากนั้นเราจะปล่อยให้น้ำนั้นค่อย ๆ หยดลงบนอุปกรณ์ของเราหรือลงในโถ ซึ่งเครื่องชงกาแฟและโถสามารถหาซื้อได้ง่าย ๆ
Cold Brew โดยวิธีการแช่กาแฟ
วิธีนี้ก็ง่ายมากเช่นกัน โดยที่เราทำการบดกาแฟแล้วทำการปล่อยทิ้งไว้ในน้ำเย็นเป็นระยะเวลาตั้งแต่ 12- 24 ชั่วโมง จากนั้นทำการกรองกากกาแฟออก กาแฟที่เราได้จะเป็นกาแฟสกัดเย็นเข้มข้น บางคนหากต้องการที่จะเลือกดื่มกาแฟเย็นก็จะใช้วิธีการนี้แทน ซึ่งเป็นวิธีการที่ง่าย แต่จำเป็นต้องใช้เวลาพอสมควร
วิธีการชงกาแฟแบบแช่นี้ เราสามารถทำเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน เพียงแค่เรามีเครื่องบดกาแฟและเครื่องชงกาแฟแบบ French Press ก็สามารถนำมาดัดแปลงและชงกาแฟแบบนี้ได้เช่นกัน

คั่วกาแฟแบบไหนเหมาะกับกาแฟสกัดเย็น
อย่างที่เรารู้ ว่าระดับของการคั่วกาแฟก็มีบทบาทสำคัญในเรื่องของกลิ่นและรสชาติของกาแฟของเราด้วย การที่เราลองค้นหาและสำรวจความชอบของเราเองก็เป็นสิ่งสำคัญ กับการชงกาแฟ Cold Brewนี้ก็เช่นกัน
โดยปกติแล้ว กาแฟสกัดเย็นจะให้กาแฟที่มี acidity ต่ำ การใช้กาแฟแบบคั่วอ่อน ซึ่งกาแฟที่ได้จะมีความสว่าง สามารถสกัดรสชาติที่ละเอียดอ่อนออกมาได้ บางคนจึงนิยมนำกาแฟคั่วอ่อนมาบาลานซ์กับการชงกาแฟสกัดเย็น
อีกทั้งกาแฟสกัดเย็นยังดึงรสชาติและให้กลิ่นของช็อกโกแลตที่เข้มข้น เราก็สามารถที่จะเลือกกาแฟคั่วเข้มมาชงได้ หลายคนยังรู้สึกว่าการชงกาแฟแบบนี้เหมาะสมที่จะใช้กาแฟคั่วกลางและคั่วเข้มมากกว่า ถึงกาแฟทั้งสองนี้จะมีรสชาติและระดับความเข้มข้นที่สูง แต่ด้วยการชงกาแฟแบบสกัดเย็น จึงไปช่วยลดความขมนั้นลง และก็ทำให้รสชาติมีความกลมกล่อมขึ้นมาได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล
เมล็ดกาแฟที่เหมาะจะใช้ชงกาแฟสกัดเย็น
เนื่องจากกระบวนการในการทำกาแฟสกัดเย็นนั้น สามารถที่จะให้รสชาติกาแฟที่สมบูรณ์และละเอียดอ่อน ดังนั้นถ้าจะให้แนะนำเมล็ดกาแฟที่ใช้อยากจะให้ใช้กาแฟที่เป็น Single Origin มากกว่า เพราะเราจะได้สัมผัสและซึมซับถึงรสชาติของกาแฟนั้นได้อย่างแท้จริง
บดกาแฟอย่างไรถึงจะเหมาะสม
โดยปกติการชงกาแฟแบบนี้ อยากจะแนะนำให้บดกาแฟแบบหยาบ การบดกาแฟละเอียดนั้นมักจะทำให้กาแฟจับเป็นก้อน และทำให้น้ำเย็นนั้นหมุนเวียนอยู่ได้อย่างอิสระมากกว่าหากเราบดกาแฟแบบหยาบ และที่สำคัญ อยากให้บดกาแฟแบบสด ๆ ไม่ใช้กาแฟที่บดทิ้งไว้ หลายคนมักจะชื่นชอบที่จะบดกาแฟทิ้งไว้ในเครื่องบดกาแฟ ซึ่งสะดวกมากกว่าจริง แต่การบดกาแฟสดใหม่จะดึงรสชาติของกาแฟออกมาได้ดีกว่า
วิธีการเสิร์ฟ
ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการดื่มกาแฟเย็น ๆ ในแก้วทรงสูง แล้วใส่น้ำแข็งลงไป แต่น้ำแข็งนั้นจะละลาย หลังจากที่น้ำแข็งละลายแล้ว มันจะไปเจอจางรสชาติของกาแฟที่เข้มข้น วิธีการที่เราแนะนำก็คือ ให้นำกาแฟเทลงในถาดทำน้ำแข็งในช่องแช่แข็ง แล้วเสิร์ฟพร้อมกับกาแฟของเรา นอกจากจะได้กาแฟที่ยังคงเย็นอยู่แล้ว กาแฟของเราจะไม่เสียรสชาติด้วย

อย่างที่บอกว่า ธรรมชาติของการทำกาแฟสกัดเย็นนั้นจะลดความขมลงและลด acidity ของกาแฟของเราลงด้วย หลายคนที่ชื่นชอบดื่มกาแฟนมหรืออาจชอบใส่น้ำตาลเพิ่ม ก็สามารถที่จะใส่เพิ่มลงไปได้ หรืออาจเพิ่มความหวานด้วยวิธีอื่น ๆ อาจใส่สารให้ความหวานอื่น ๆ ลองใช้เป็นน้ำผึ้งดู หรืออาจเป็นน้ำเชื่อมไซรัปต่าง ๆ เพื่อเพิ่มรสชาติและเพิ่มความหวานของกาแฟของเราให้ดื่มง่ายมากขึ้นไปอีก
กาแฟสกัดเย็นของคุณ
ถึงอย่างนั้น การทำกาแฟก็เหมือนการทดลอง นี่เป็นเพียงหลักให้คุณได้รู้จักเกี่ยวกับกาแฟ Cold Brew หรือกาแฟสกัดเย็น อันที่จริงแล้วอยากให้คุณลองหาบาลานซ์ของตัวเอง ลองที่จะแช่กาแฟให้นานขึ้น สัดส่วนน้ำและกาแฟ สายพันธุ์กาแฟ รวมถึงลักษณะการบด อยากให้ลองหาที่คุณชอบ เพราะนี่เป็นกาแฟของคุณ และเราดื่มกาแฟเพื่อให้เรามีความสุข และดื่มด่ำกับรสชาติของกาแฟได้ การเลือกและทดลองกรรมวิธีที่เราจะหากาแฟที่สมบูรณ์แบบของเราได้จึงเป็นสิ่งที่ดี