คุณภาพของกาแฟที่เราสามารถชงดื่มเองที่บ้านได้นั้น รวมถึงรสชาติจะออกมาดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่กับปัจจัยมากมายหลากหลายอย่าง ตั้งแต่ในเรื่องของความสม่ำเสมอของการบดกาแฟ อุณหภูมิของน้ำที่ใช้ และเรื่องอื่นอีกมากมาย แต่อีกปัจจัยหนึ่งที่มักจะถูกมองข้าม และหลายคนเลือกที่จะละเลยมันไปเลย นั่นคือเรื่องของความสะอาดของ เครื่องชงกาแฟ และอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับชงกาแฟของเรา

หากเราลองค้นหาวิธีการทำความสะอาด เครื่องชงกาแฟ ดู เราจะพบวิธีที่แตกต่างกันมากมายหลากหลาย รวมถึง เครื่องชงกาแฟ และอุปกรณ์ชงกาแฟนั้น ไม่ได้จำกัดเพียงแค่เครื่องชงเอสเพรสโซอัตโนมัติเพียงเท่านั้น แต่อาจหมายถึงอุปกรณ์ชงกาแฟรูปแบบอื่น อย่าง moka pot ซึ่งในบางครั้ง หลายคนอาจจะโต้แย้งได้ว่า อุปกรณ์สำหรับชงกาแฟบางอย่าง (อย่าง moka pot) อาจไม่จำเป็นที่จะต้องทำความสะอาดก็ได้ แต่หากเราลองดู เราจะรู้เลยว่า สิ่งนี้ส่งผลต่อรสชาติของกาแฟของเรามากเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีเรื่องของอายุการใช้งานของอุปกรณ์ด้วย ที่หลายคนก็ละเลยไม่ต่างกัน
ดังนั้นวันนี้ เราจะมาแนะนำวิธีการในการทำความสะอาด เครื่องชงกาแฟ และอุปกรณ์ชงกาแฟที่มีอยู่ด้วยกันมากมาย กรรมวิธีในการดูแลรักษา ซึ่งมีความแตกต่างกันอยู่ เพื่อที่คุณจะได้สามารถ เพื่อที่จะได้สามารถทำความสะอาดเครื่องชงกาแฟได้อย่างถูกต้อง และสกัดกาแฟออกมาได้อร่อยมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สื่ออุปกรณ์ชงกาแฟมาราคาแพงแล้ว น่าจะใช้กันอย่างเต็มประสิทธิภาพให้ได้มากที่สุด
ความเข้าใจผิดบางประการ
มีคำกล่าวที่ว่า หากเราใช้ moka pot ในการชงกาแฟ เราไม่ควรที่จะทำความสะอาดสิ่งนี้ ไม่ใช่แค่ในบ้านเราที่มีการพูดเพียงเท่านั้น มีตำนานที่มีมาอย่างช้านานในประเทศอิตาลี ที่กล่าวไว้ว่า ไม่ควรที่จะทำความสะอาด moka pot บางคนบอกว่า การนำมาล้างนั้น อาจจะทำลายรสชาติของกาแฟไปได้ เพราะยังมีความเชื่อว่า รสชาติที่ตกค้างอยู่จากการใช้งาน moka pot มายาวนานหลายปี จะทำให้กาแฟนั้นรสชาติดีขึ้น แต่เราลองนึกดูดี ๆ เอาแค่เรื่องพื้นฐานก่อนก็คือ moka pot โดยทั่วไปส่วนใหญ่แล้วจะทำมาจากอลูมิเนียม ซึ่งหากทำความสะอาดไม่ถูกต้อง อาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้ใช้งานได้
เรื่องนี้อาจดูเป็นเรื่องเล็ก แต่หากเราลองดูในอิตาลี ส่วนมากแล้วจะใช้ moka pot ในการสกัดกาแฟที่มีความเข้มข้นสูงมาก โดยกาแฟที่ถูกสกัดออกมานี้ อาจจะเรียกได้ว่า dirty moka ซึ่งสามารถสะท้อนได้ในหลายความหมาย ทั้งช็อตกาแฟแบบเข้มข้น ที่ถูกสกัดออกมาด้วย moka pot หรือการที่ moka pot ไม่ได้ถูกล้างทำความสะอาด ทำให้กาแฟที่ออกมานั้น มีลักษณะ dirty เรื่องน่าตกใจก็คือ เป็นเรื่องปกติธรรมดาในครัวเรือนชาวอิตาลีเป็นอย่างมาก ที่ในบางบ้านอาจมี moka pot ซึ่งไม่ได้ถูกทำความสะอาดด้วยอะไรเลย นอกจากใช้น้ำล้าง โดยใช้กันแบบนี้ภายในบ้านกินเวลาถึง 20 ปี
เรารู้กันอยู่แล้วว่า รสเปรี้ยวที่ออกมาจากกาแฟนั้น ก็เนื่องจากในกาแฟมีกรดบางอย่างอยู่ การไม่ล้างทำความสะอาดเลย ทำให้มีอนุภาคกาแฟเก่าที่ยังคงตกค้างอยู่ ในที่สุดมันก็จะปล่อยกรดออกมาเมื่อสัมผัสกับน้ำร้อน หรือเมื่อทำความสะอาดไม่ถูกต้อง กรดเหล่านี้อาจจะกัดอลูมิเนียม เมื่อเวลาผ่านไป ทำให้สารประกอบโลหะบางอย่างอาจเข้ามาปะปนในเครื่องดื่มก็ได้ และหากเป็น moka pot จะทำให้สารประกอบบางอย่างของกาแฟ สามารถที่จะเกาะติดกับอุปกรณ์ของเราได้ง่ายขึ้น เนื่องจากอลูมิเนียมนั้นมีลักษณะเป็นรูพรุน ทำให้ขจัดคราบเหล่านี้ออกได้ยาก และเกิดการกัดกร่อนได้ง่ายด้วย
การทำความสะอาดอุปกรณ์ชงกาแฟแบบต่าง ๆ
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็น moka pot หรืออุปกรณ์ชงกาแฟได้ก็ตาม เราจำเป็นที่จะต้องทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ ไม่ใช่แค่เรื่องรสชาติเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ อาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้
Moka Pot
ไหน ๆ เราก็คุยกันถึงเรื่องของ moka pot เเล้ว ดังนั้นจึงขอหยิบยกวิธีการทำความสะอาด moka pot มาเป็นอย่างแรก วิธีการทำความสะอาดที่ดีที่สุดนั้นแสนง่ายดาย คือการใช้น้ำยาล้างจานที่เป็นกลาง และไม่ใส่น้ำหอม ใช้กับฟองน้ำล้างจาน ขั้นตอนแรก เราต้องแยกชิ้นส่วนของ moka pot ออกก่อน จากนั้นค่อยทำการใช้ฟองน้ำถูเบา ๆ ทั้งด้านนอกและด้านใน จากนั้นล้างด้วยน้ำเปล่า
แต่ก่อนที่จะนำ moka pot มาประกอบกลับคืน เราจำเป็นที่จะต้องแน่ใจก่อนว่า อุปกรณ์ทุกชิ้นนั้นแห้งสนิทแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดเชื้อรา บริเวณที่เป็นซีลยาง เป็นจุดหนึ่งที่ถูกละเลย และคนไม่ค่อยทำความสะอาดกัน ส่วนนี้หากไม่ทำความสะอาด และทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน อาจเกิดคราบกาแฟ ดังนั้นทางที่ดีอย่าลืมทำความสะอาดด้วย
ในส่วนบริเวณกรวยสำหรับใส่กาแฟ เมื่อใช้นานวันเข้า อาจเกิดการอุดตันได้ หากเกิดแบบนี้สามารถที่จะเปลี่ยนได้ทันที ซึ่งการหาซื้อก็ไม่ได้ยาก สามารถที่จะหาซื้อได้ตามร้านค้าออนไลน์ทั่วไป ซีลยางก็เช่นกัน
สิ่งที่ควรระวัง ในการทำความสะอาด moka pot ข้อแรกคือ เราไม่ควรใช้เพียงแค่ผ้าชุบน้ำ ในการเช็ดคราบกาแฟ หรือทำความสะอาด moka pot เพียงอย่างเดียว ไม่ควรใช้น้ำยาล้างจาน ที่มีส่วนผสมของกรดอย่างมะนาว หรือไม่ควรใช้น้ำส้มสายชูในการทำความสะอาดด้วย เนื่องจากอาจเกิดการกัดกร่อนได้
French Press
หลังจากที่เราหยิบมาใช้งานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนแรกคือการนำกากกาแฟออก อาจจะทำการใช้ไม้ในการช่วย หรือทำการใส่น้ำลงไป และหมุนเครื่อง (อาจจะนำกากกาแฟใช้แล้วไปทำเป็นปุ๋ย หรือใช้ประโยชน์อื่น) แล้วจากนั้นจึงค่อยนำไปทำความสะอาด
ให้เราทำการใส่น้ำอุ่นลงไปในกระบอก และใส่น้ำยาล้างจานที่ไม่ใส่น้ำหอมลงไป จากนั้นทำการปั๊มลูกสูบให้ผ่านน้ำหลายครั้ง เพื่อทำการขจัดสิ่งสกปรกที่อยู่บริเวณตัวกรองออก ในส่วนของเหยือกนั้น ให้เราทำความสะอาด โดยการใช้น้ำอุ่น น้ำยาล้างจาน และฟองน้ำล้างจาน นำฟองน้ำล้างจานมาถู แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า จากนั้นทำการเช็ดให้แห้งทันทีด้วยผ้า

สำหรับผู้ที่ใช้งานอยู่เสมอ แนะนำให้ทำความสะอาดตัวกรองของ French Press อย่างน้อยเดือนละครั้ง โดยตัวกรองสามารถที่จะถอดได้เอง ด้วยการคลายเกลียวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น วิธีทำความสะอาดง่าย ๆ อาจจะใช่เบคกิ้งโซดา ผสมกับน้ำเปล่าในการทำความสะอาด บริเวณที่เป็นกรองและขดลวด สามารถที่จะใช้แปรงสีฟัน ทำการขัดแรง ๆ เพื่อทำการขจัดคราบน้ำมัน และสารตกค้างที่ยังคงเหลืออยู่ ก่อนที่จะนำไปล้างทำความสะอาดด้วยน้ำยาล้างจานตามปกติ
เครื่องชง Batch Brewing
น่าจะเป็นเครื่องชงกาแฟที่บ้านเราไม่ได้ใช้กันมากมายนัก ซึ่งวิธีการทำความสะอาดนั้นก็ไม่ได้ยากเย็น เพียงแค่ถอดในส่วนหม้อ และตัวกรองออก จากนั้นนำไปทำความสะอาดด้วยฟองน้ำและน้ำยาล้างจาน แล้วล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นทำการผึ่งลมให้แห้ง หรืออาจจะใช้ผ้าแห้งในการเช็ด
บริเวณหัวชงนั้น ให้ทำการใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ ในการเช็ค เมื่อเช็ดจนสะอาด และแน่ใจว่าไม่หลงเหลือกากกาแฟ หรือคราบกาแฟแล้ว ให้ทำการประกอบเครื่องกลับคืนไปไหม แต่ตรงนี้เราต้องแน่ใจว่า อุปกรณ์ทุกชิ้นแห้งสนิทแล้วเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดเชื้อราได้
AeroPress
หลังจากใช้งานเสร็จ ให้ทำการคว่ำลงบนอ่างล้างจาน เพื่อให้ของเหลว หรือกาแฟที่หลงเหลืออยู่ออกไปให้หมด จากนั้นทำการคลายเกลียวบริเวณฝาตัวกรอง ทำการกดลูกสูบลงจนกว่าลูกยางจะเด้งออกมา หลังจากที่ทำการถอดอุปกรณ์แต่ละชิ้นออกมาแล้ว ให้ทำความสะอาดแต่ละชิ้นโดยการใช้น้ำยาล้างจานและฟองน้ำ เช่นเดียวกันเมื่อทำความสะอาดเสร็จ นำมาผึ่งลมให้แห้ง หรือใช้ผ้าแห้งในการเช็ด
เราควรที่จะถอดซีลยาง ออกจากลูกสูบประมาณเดือนละครั้งเพื่อทำความสะอาด ไฮคัททั้งด้านในและด้านนอกเพื่อทำการขจัดคราบน้ำมันออกให้หมด
ดริปเปอร์และเซิร์ฟเวอร์
โดยปกติแล้ว วิธีการในการทำความสะอาดดริปเปอร์ ไม่ได้ยากเลยซับซ้อนมากนัก เพียงแค่เราทำการใช้น้ำยาล้างจานและฟองน้ำ ทำความสะอาดทั้งด้านในและด้านนอก เช่นเดียวกัน ล้างด้วยน้ำสะอาด จากนั้นเช็ดให้แห้ง
วิธีการทำความสะอาดเซิร์ฟเวอร์ ไม่ว่าจะเป็นจากวัสดุใดก็ตาม จากแก้ว พลาสติก หรืออาจเป็นโลหะ ให้ทำการใช้น้ำยาล้างจาน ฟองน้ำล้างจานในการทำความสะอาด ล้างด้วยน้ำสะอาด และนำมาเช็ดให้แห้ง หากเป็นเซิร์ฟเวอร์ที่มีขนาดเล็ก อาจจะใช้แปรงในการทำความสะอาดน่าจะง่ายกว่า
เครื่องชงเอสเพรสโซ
การทำความสะอาดเครื่องชงเอสเพรสโซนั้น ควรทำตามคำแนะนำของผู้ผลิตอย่างละเอียด หากเป็นเครื่องชงกาแฟสมัยใหม่ เครื่องชงอาจจะมีฟังก์ชันการทำความสะอาดอัตโนมัติ ไม่ใช่แค่ในเรื่องของการทำความสะอาดเท่านั้น ยังสามารถที่จะขจัดคราบตะกรันออกได้อีกด้วย หลังจากที่ใช้งานมาเป็นเวลานานเป็นประจำ
แต่ก็มีวิธีการดูแลรักษาเบื้องต้นอยู่ ขั้นตอนแรกให้เราทำการถอดก้านชงออก จากนั้นทำการล้าง บริเวณฟิลเตอร์ เวลาที่ล้างทำความสะอาด เราจะใช้น้ำร้อนในการล้าง เพื่อทำการขจัดคราบน้ำมัน กากกาแฟ และสิ่งตกค้างที่ยังคงหลงเหลืออยู่ จากนั้นจะทำการเช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาด
ส่วนต่อไปเป็นส่วนของก้านสตีม บริเวณส่วนนี้เป็นบริเวณที่ควรจะทำความสะอาดมากที่สุดส่วนหนึ่ง โดยการเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ จากนั้นเปิดให้ก้านสตีมทำงาน อาจจะเปิดทิ้งไว้เป็นระยะเวลา 2-3 วินาที เพื่อทำการล้างนมที่เหลืออยู่ในก้านออกให้หมด
เป็นส่วนของหัวเครื่องชง เราจะทำความสะอาดโดยการใช้แปรงขนาดเล็ก หรือแปรงสีฟันในการขัด โดยจะใช้ร่วมกับผงสำหรับทำความสะอาดเครื่องชงเอสเพรสโซ เราจะใช้ผง ประมาณ 1 ช้อนชา หลังจากขัดทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว เราจะปล่อยให้น้ำไหลออกมา ใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 5 วินาที จากนั้นทำซ้ำจนกว่าจะแน่ใจว่าสะอาด
ที่เหลือเป็นการล้างทำความสะอาดส่วนอื่น อย่างพวกถาดรองน้ำหยด ใช้น้ำร้อนในการล้าง แล้วเช็ดให้แห้ง เมื่อทำการล้างทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้ทำการประกอบชิ้นส่วนทั้งหมดกลับคืน อาจจะทำการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดกระจก เพื่อทำให้พื้นผิวของสแตนเลสดูเงางามสวยงาม
การกำจัดคราบตะกรัน
คราบตะกรันนั้น เกิดขึ้นจากการที่เราใช้น้ำที่มีลักษณะกระด้าง (เป็นน้ำที่มีแคลเซียม และแมกนีเซียมปะปนอยู่ในปริมาณสูง) ซึ่งเหล่านี้จะไปสะสมอยู่ในอุปกรณ์ และเครื่องชงกาแฟของเรา อาจทำให้อุปกรณ์และเครื่องชงกาแฟเกิดความเสียหายได้หากไม่ได้ทำการตรวจสอบ
หากตะกรันเหล่านี้ เข้าไปเกาะอยู่ในบริเวณกาต้มน้ำ ให้เราทำการผสมน้ำส้มสายชู กับน้ำในอัตราส่วนเท่ากัน เพียงเท่านี้เราก็สามารถใช้ในการทำความสะอาดได้แล้ว หากเป็นกาต้มน้ำ เราอาจจำเป็นที่จะต้องแช่ทิ้งไว้ค้างคืน จากนั้นค่อยนำอุปกรณ์มาล้างให้สะอาด โดยทำการต้มน้ำ และใส่น้ำไว้ให้เต็มกา 2-3 ครั้งก่อนที่จะล้างออก
ถึงแม้จะสามารถที่จะกำจัดตะกรันเหล่านี้ออกได้ แต่ทางที่ดีกว่า คือการป้องกัน หรือการใช้น้ำที่ถูกต้อง โดยเราสามารถที่จะป้องกันตะกรันเหล่านี้ได้ โดยการใช้น้ำแร่ผสมกับน้ำกรอง ro โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ ที่หากเกิดความเสียหาย หรือเกิดตะกรันเกาะภายในตัวเครื่อง อาจจะต้องเสียเงินในการซ่อม และใช้ช่างเฉพาะทางในการซ่อม ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องใหญ่เลย
การทำความสะอาดอุปกรณ์ชงกาแฟที่ไม่ถูกต้อง
การทำความสะอาดอุปกรณ์ชงกาแฟด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องนั้น ส่งผลทางใดทางหนึ่ง นอกจากจะทำให้อุปกรณ์เสียหายได้ง่ายแล้ว หากเลวร้ายมากกว่า การทำความสะอาดอย่างไม่เหมาะสม อ่าก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของผู้ใช้งานอย่างร้ายแรงได้
สิ่งหนึ่งที่หลายคนมักจะละเลย และคิดว่าไม่น่าส่งผลเสียอะไร คือการไม่รีบทำความสะอาดอุปกรณ์ทันทีหลังจากใช้งานเสร็จแล้ว ไม่ว่าอย่างไร กาแฟก็เป็นผลิตภัณฑ์อาหาร ดังนั้นหากเราปล่อยทิ้งไว้แบบนั้น อาจจะส่งผลเสียบางอย่างต่อสุขภาพของเราได้ ยกตัวอย่างเช่น หากเราทิ้งกากกาแฟไว้ในอุปกรณ์ชงกาแฟของเรา และจะนำมันออกหลังจากที่เราชงกาแฟแก้วต่อไปเท่านั้น แบบนี้อ่ะทำให้น้ำมันที่อยู่ในกากกาแฟ เกิดการรวมตัวกัน และก่อให้เกิดแบคทีเรียบางอย่างในอุปกรณ์ชงกาแฟของเราได้
มีหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า โดยธรรมชาติในกาแฟจะมีความเป็นกรดอยู่แล้ว ความเป็นกรดเหล่านี้จะไปทำลายแบคทีเรียเหล่านี้ออกไปทั้งหมดได้ แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้เพียงพอเลย ซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้ นอกจากบางคนก่อให้เกิดอาการแพ้ และมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจแล้ว แบคทีเรียที่ก่อตัวกันเหล่านี้ ยังส่งผลเสียต่อทางเดินอาหารของเราได้ด้วย

หากใครกำลังคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ และจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ที่แบคทีเรียเหล่านี้จะเกิดขึ้น ได้มีการศึกษาในปี 2011 โดย NSF International พบว่า กาแฟที่ยังคงค้างอยู่ในเครื่องชงกาแฟที่ไม่ได้ทำความสะอาด จะเป็นที่อาศัยของแบคทีเรีย มากกว่าของเล่นสำหรับสัตว์เลี้ยง หรือสุขภัณฑ์ในห้องน้ำของเราเสียอีก
และถึงแม้ว่าอุปกรณ์ชงกาแฟบางอย่าง อย่างเครื่องชงเอสเพรสโซ ที่อาจมีระบบการทำความสะอาดตัวเองในตัว แต่เราก็ไม่อาจที่จะแน่ใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ควรจะทำความสะอาดเครื่องชงกาแฟของเราให้ดี แบบนี้น่าจะดีกับเรามากกว่า
จากทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เราจะเห็นได้ว่าการทำความสะอาดเครื่องชงกาแฟ หรืออุปกรณ์ชงกาแฟนั้น ถึงแม้ว่าหลายคนจะละเลยมันไป แต่ก็นับว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ไม่ใช่แค่ในเรื่องของรสชาติ และคุณภาพของเครื่องดื่มของเราเพียงเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ใช้งานอีกด้วย ซึ่งแต่ละอุปกรณ์สำหรับชงกาแฟนั้น ถึงแม้ว่าจะมีวิธีการดูแลที่ค่อนข้างคล้ายกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่บ้างเล็กน้อย เราควรที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการเหล่านี้ เพื่อที่จะสามารถ ทำความสะอาดเครื่องไม้เครื่องมือของเราให้ดีที่สุด อย่างน้อยเราซื้ออุปกรณ์มาในราคาที่แพง การใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ น่าจะเป็นอะไรที่ดีต่อตัวผู้ใช้งานมากกว่า และคุณจะได้กาแฟแสนอร่อยมากขึ้น หลังจากที่เครื่องชงกาแฟของคุณสะอาดมากขึ้นด้วย