หากคุณได้มีโอกาสสั่งกาแฟมาจากต่างประเทศ บริเวณฉลากจะมีสัญลักษณ์ “ethical” หรือ “ethically sourced”ซึ่งนั่นหมายถึง กาแฟที่กำลังอยู่ในมือเรานี้ เป็นกาแฟที่ปลูกโดยคำนึงถึงการรักษา สิ่งแวดล้อม และยังเป็นไปอย่างยุติธรรมกับเกษตรกร เรียกว่า sustainability แต่แท้จริงแล้ว กาแฟหลายเจ้าที่มีสัญลักษณ์นี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้นจริง แล้วมันเป็นอย่างไรกันแน่
ในปัจจุบัน เรื่องของ สิ่งแวดล้อม เป็นเรื่องที่เราจำเป็นต้องหันมาใส่ใจกันอย่างจริงจังมากขึ้น อุตสาหกรรมกาแฟเป็นอุตสาหกรรมที่จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของเราโดยตรง ในปัจจุบันเริ่มมีไร่กาแฟหรือบางส่วนในอุตสาหกรรมกาแฟที่หันมาปลูกกาแฟโดยคำนึงถึงการใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนกันมากขึ้น อีกทั้งยังจำเป็นต้องใส่ใจคุณภาพของเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟด้วย สิ่งเหล่านี้สำคัญและเป็นเรื่องเร่งด่วน ที่เราทุกคนต้องหันมาสนใจ และวันนี้ ผมจะพาคุณไปดู ว่าเราจะมีส่วนในการช่วยโลก รักษาสิ่งแวดล้อม และทรัพยากรมนุษย์ได้อย่างไร

สิ่งแวดล้อม กับการดื่มกาแฟอย่างยั่งยืน
หากเราอยากช่วยให้อุตสาหกรรมกาแฟเป็นไปอย่างยั่งยืนได้ สิ่งนี้จะต้องเกิดขึ้นในระดับบุคคล หรือที่เรียกว่า ระดับไมโคร วิธีการที่ง่ายที่สุด เช่น การลดใช้หลอดพลาสติกหรือแก้วพลาสติก อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้มีความลึกซึ้งกว่านั้นมาก ซึ่งเรามีอีกหลายวิธีเลยทีเดียวที่จะสามารถทำให้เราช่วยโลกและสิ่งแวดล้อมของเราได้ บางวิธีเป็นวิธีที่เราคาดไม่ถึงเสียด้วยซ้ำ
เรื่องของการชงกาแฟ
ไม่น่าเชื่อ ว่าวิธีการชงกาแฟก็สามารถนำไปสู่การรักษาสิ่งแวดล้อมได้ ทางที่ดีแนะนำให้ใช้วิธีชงกาแฟแบบที่สามารถใช้ซ้ำได้ หรืออาจใช้เครื่องชงกาแฟที่ใช้งานได้นาน ๆ เช่น เครื่องชงกาแฟแบบ French press หรือที่ดริปกาแฟแบบสแตนเลส หรือแบบเหล็ก หากใช้แบบพลาสติก เราอาจจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนบ่อย อีกทั้งพลาสติกยังมีส่วนในการทำลายโลกมากเลยทีเดียว มันเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดปริมาณขยะ อย่างที่กล่าวไว้ว่า การใช้หลอดพลาสติกหรือแก้วพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง เป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อสิ่งแวดล้อม แต่รู้หรือไม่ ว่าหากเทียบกันแล้ว เรื่องของบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วทิ้ง นับว่าเป็นเรื่องเล็ก ลองนึกถึงพลังงานที่เราใช้ในการต้มน้ำหรืออุ่นกาแฟดู จำนวนเชื้อเพลิงฟอสซิลที่เราใช้และสามารถหมดไปได้ เพื่อให้เราได้ดื่มกาแฟอุ่น ๆ เรื่องของดินและน้ำที่ใช้ในการปลูกกาแฟ และเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย หรือหากว่าถ้าเราใช้กาแฟของเราไม่หมดจนต้องทิ้ง สิ่งนี้สิ้นเปลืองพอ ๆ กับการที่เราใช้ถ้วยพลาสติกในการดื่มกาแฟเลยทีเดียว ไม่แน่อาจสิ้นเปลืองกว่ามากเสียด้วยซ้ำ
สิ่งแวดล้อม กับ เมล็ดกาแฟ
มีกรรมวิธีการปลูกกาแฟแบบหนึ่งที่ค่อนข้างน่าสนใจ คือการปลูกกาแฟในร่ม ในที่นี้คือปลูกบริเวณใต้ต้นไม้ ซึ่งให้ต้นไม้นี้ทำหน้าที่ในการให้ร่มเงาและบดบังแสงแดดที่มากจนเกินไป กาแฟที่ปลูกในลักษณะแบบนี้ จะมีแนวโน้มที่จะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า
แม้ว่าการปลูกกาแฟโดยการปลูกกลางแจ้ง ให้กาแฟได้รับแสงแดดได้อย่างเต็มที่ สิ่งนี้จะทำให้เราได้ผลผลิตทางการเกษตรที่มากขึ้น แต่รู้หรือไม่ ว่าสิ่งนี้สร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมอยู่มากเลยทีเดียว คุณลองนึกดู หากเราปลูกกาแฟอย่างเดียว จะทำให้ความหลากหลายทางชีวภาพนั้นหายไป สุดท้ายก็จะไปเป็นการทำลายสมดุลทางระบบนิเวศ ท้ายที่สุดแล้วเราก็จำเป็นต้องพึ่งพาปุ๋ยและยาฆ่าแมลง

เรื่องของฉลากสินค้า
แม้ว่าบนฉลากสินค้าจะมีเครื่องหมายการันตี ว่าผลิตภัณฑ์นี้ปลูกโดยสนใจสิ่งแวดล้อม แต่แท้จริงแล้ว ยังมีหลายบริษัทที่ไม่ได้เป็นแบบนั้นจริง เราไม่มีทางรู้เลยว่า เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟได้รับการดูแล ค่าแรงที่เท่าเทียม และทางบริษัทมีความโปร่งใสจริง หากคุณมีโอกาสได้ศึกษาเรื่องราวของกาแฟ คุณจะพบว่า ในหลายประเทศผู้ผลิตกาแฟนั้น เกษตรกรได้ค่าแรงอย่างไม่เป็นธรรม ดังนั้นการศึกษาหาข้อมูลจึงจำเป็นเป็นอย่างมาก วิธีที่ง่ายที่สุดเช่น หากเป็นไปได้ให้คุณลองถามร้านกาแฟหรือโรงคั่วกาแฟ ถึงที่มาที่ไปของกาแฟเหล่านี้ เพราะเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดที่เราจะทำได้แล้ว
เราควรเลือกซื้อกาแฟจากโรงคั่วกาแฟที่ซื้อกาแฟโดยตรงจากไร่หรือจากผู้ผลิต นี่จะทำให้เรารู้ที่มาที่ไปอย่างแท้จริงของกาแฟของเรา และเป็นวิธีที่ดีที่จะทำให้เราสามารถดื่มกาแฟ โดยการสนใจสิ่งแวดล้อม รวมถึงเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟได้ด้วย
กาแฟ Microlot ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่เราค่อนข้างมั่นใจได้ เนื่องจากเรามั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่า กาแฟ Microlot จะเป็นกาแฟที่ตลอดกระบวนการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวจะก่อให้เกิดความยั่งยืน และเรายังสามารถตรวจสอบย้อนหลังถึงภูมิภาค หรือพื้นที่ต้นทางของกาแฟของเรา ทั้งยังสามารถตรวจสอบในเรื่องของสภาพอากาศ สภาพดิน ระดับความสูง และกระบวนการแปรรูปกาแฟของเราได้อีกด้วย
สิ่งอื่น ๆ ที่ใส่ลงไปในกาแฟ (นม น้ำตาล และ น้ำแข็ง)
ถึงกาแฟของเราจะรักษ์โลกเพียงใด แต่ส่วนผสมอื่นที่เราใส่ลงไปในกาแฟก็น่าสนใจเช่นกัน รู้หรือไม่ว่า นมและน้ำตาลเป็นวัตถุดิบที่ในกระบวนการการผลิตนั้นมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก เช่น กระบวนการให้ได้มาซึ่งนมนั้น มี carbon footprint มากกว่ากาแฟ 1 แก้วถึง 60-70 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ทั้ง ๆ ที่ใช้นมเพียงแค่ 2-3 ช้อนโต๊ะ และสำหรับกาแฟลาเต้ อาจมีมากถึง 80-90 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับว่าสูงมาก
ไม่น่าเชื่อว่า น้ำแข็งในกระบวนการผลิตนั้น ก็มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเช่นกัน เราต้องใช้ปริมาณไฟฟ้าจำนวนมากในการผลิตน้ำแข็ง ผมไม่ได้บอกให้คุณเลิกใส่นม น้ำตาล หรือน้ำแข็งลงในกาแฟ แต่อยากให้ตัวหนักถึง carbon footprint ที่ใช้ในการผลิตวัตถุดิบเหล่านี้ และพยายามใช้มันให้คุ้มค่าที่สุด ดังนั้น ห้ามทิ้งน้ำแข็งเด็ดขาดนะครับ

สิ่งเหล่านี้ ทั้งในเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อมและในเรื่องของการสนใจที่มาที่ไปของสิ่งที่เราบริโภคนั้น เป็นความพยายามระยะยาวที่เราจำเป็นต้องใช้ความอดทนและแรงของคนทุกฝ่าย เรื่องราวแบบนี้เป็นเรื่องที่เราเห็นกันอยู่ มีผลกระทบต่อชีวิตและไลฟ์สไตล์ของเราทุกคน แต่หลายคนยังเมินเฉยไม่ได้ให้ความสนใจเท่าที่ควร ที่จริงไม่ใช่แค่นี้เรื่องของการดื่มกาแฟ เรียกว่าแทบทุกเรื่อง ล้วนมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น แต่ในที่นี้ในฐานะคนดื่มกาแฟ การลองมองมันบ้างก็น่าจะดีไม่น้อยนะครับ
หากเราจะซื้อกาแฟหรืออุปกรณ์เกี่ยวกับกาแฟครั้งถัดไป ให้ลองเลือกกาแฟที่เราสามารถตรวจสอบที่มาที่ไปได้อย่างถูกต้องแม่นยำ เครื่องชงกาแฟของเราควรเป็นบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือเป็นวัสดุที่คงทน ใช้ได้นาน สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้บ่อย ๆ ทั้งนี้ก็เพื่อตัวเราและเพื่อโลกที่น่าอยู่ขึ้นครับ