ว่าด้วยเรื่องของการ คั่วกาแฟ

อย่างที่เรารู้กันว่า อัตราการ คั่วกาแฟนั้นส่งผลทำให้กาแฟของเรามีความแตกต่างกันออกไป ทั้งในเรื่องของรสชาติและปริมาณคาเฟอีนที่ได้ อีกทั้งยังมีเรื่องอื่น ๆ เกี่ยวข้องอีกด้วย

 หากเราต้องการที่จะทำความเข้าใจกาแฟของเราอย่างจริงจัง เราก็จำเป็นที่จะต้องรู้ถึงระดับของการคั่วที่เหมาะสมกับเรา และนี่คือเรื่องที่คุณอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับการคั่วกาแฟแต่ละแบบ

Professional handmade coffee roasting process

กาแฟคั่ว 3 แบบ กับเรื่องที่เราต้องรู้

กาแฟคั่วอ่อน จะมีปริมาณคาเฟอีนมากกว่ากาแฟคั่วเข้มอยู่เล็กน้อย

สิ่งนี้อาจดูตรงข้ามกับความเป็นจริง แต่มันเป็นความจริง หลายคนมีความเชื่อว่า กาแฟคั่วเข้มจะต้องมีคาเฟอีนสูงกว่า แต่ในความเป็นจริงแล้ว กาแฟคั่วอ่อนนี่แหละที่มีปริมาณคาเฟอีนสูงกว่า แต่ถึงอย่างนั้นก็มีปริมาณคาเฟอีนที่สูงกว่าอยู่เล็กน้อยเท่านั้นเอง

กาแฟคั่วอ่อนนั้นดีที่สุด หากเราต้องการลิ้มรสของกาแฟที่หลากหลาย

กาแฟนั้นมีกลิ่น และสารต่าง ๆ ที่อยู่ในเมล็ดกาแฟกว่า 800 ชนิด ดังนั้น การคั่วกาแฟแบบคั่วอ่อน จะทำให้เราสามารถที่จะสัมผัสกับรสชาติทั้งหมดของกาแฟได้โดยธรรมชาติ

กาแฟคั่วเข้ม (บางเจ้า) มักจะเป็นกาแฟราคาถูกและคุณภาพต่ำ

หลายครั้งที่เรามักจะซื้อกาแฟคั่วเข้ม และนี่เป็นวิธีการที่ดีที่สุดที่จะปกปิดรสชาติที่ไม่สมบูรณ์แบบของกาแฟได้ โดยปล่อยให้รสชาติขมกลบตำหนินั้น อีกทั้งยังเพิ่มความไหม้เกรียมให้กับกาแฟของเรา บริษัทกาแฟหลายแห่งใช้วิธีนี้ในการจัดการกับเมล็ดกาแฟที่ไม่ได้คุณภาพ

freshly-roasted-aromatic-coffee-beans

วิธีการคั่วกาแฟ

แรกเริ่มนั้น กาแฟก็เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีความแตกต่างกันออกไป ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ระดับความสูงที่ใช้ในการปลูก ดิน สภาพอากาศที่กาแฟเจริญเติบโต รวมถึงวิธีการแปรรูปกาแฟด้วย สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อคุณภาพ ระดับความลึกของรสชาติ และรสชาติของเมล็ดกาแฟของเราอย่างมาก

มีมากกว่า 50 ประเทศที่ผลิตกาแฟ และในแต่ละประเทศ หรือแต่ละภูมิภาคก็มีปัจจัยที่แตกต่างกันออกไปอย่างสิ้น เชิงนั่นหมายความว่า เราจะได้ลิ้มรสกาแฟที่ไม่ซ้ำกันเลย ดังนั้นถ้าให้แนะนำ อยากให้คุณลองดื่มกาแฟที่เป็นแบบ Single Origin ดูน่าจะเป็นการดีที่สุด

เมื่อเราแปรรูปกาแฟและส่งกาแฟเหล่านั้นไปยังโรงคั่วกาแฟ เมล็ดกาแฟจะถูกคั่วที่อุณหภูมิโดยประมาณ 356-440 องศาฟาเรนไฮต์ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าทางโรงคั่วต้องการจะคั่วเข้ม คั่วกลาง หรือคั่วอ่อนเท่าไหร่

โดยปกติแล้ว ผู้ที่คั่วกาแฟจะเริ่มต้นด้วยการทดลองคั่วกาแฟเหล่านั้น ทดลองคั่วกาแฟในระดับต่าง ๆ ตั้งแต่อ่อนไปจนถึงเข้ม เพื่อที่จะค้นหาว่า ลักษณะการคั่วแบบไหนที่จะดึงรสชาติโดยรวมที่ดีที่สุดของกาแฟตัวนั้นออกมา กาแฟแต่ละชนิด แต่ละสายพันธุ์ก็จำเป็นที่จะต้องใช้ลักษณะ หรือเวลาในการคั่วที่แตกต่างกันออกไป เพื่อที่จะดึงรสชาติออกมาได้สมบูรณ์แบบที่สุด ดังนั้น ผู้ที่คั่วกาแฟที่ดีจะต้องอาศัยความพิถีพิถันและความแม่นยำในการคั่วกาแฟเป็นอย่างมาก

mixing-roasted-coffee

แล้วคั่วแบบไหน ใช่สำหรับเรา

ความแตกต่างข้อใหญ่ที่สุดระหว่างกาแฟคั่วอ่อน คั่วกลาง และคั่วเข้ม คือรสชาติของกาแฟนั่นเอง ไม่ว่าเราจะชอบกาแฟแบบไหน เราก็จำเป็นต้องเรียนรู้ถึงการคั่วกาแฟทั้ง 3 แบบนี้ เพื่อที่จะได้ช่วยให้เราค้นหากาแฟที่ถูกใจเราได้

สิ่งแรกที่เราต้องรู้คือ ไม่ใช่ว่ากาแฟทุกตัว คั่วอ่อนจะดีที่สุด หรือคั่วเข้มจะดีที่สุด กาแฟแต่ละตัวนั้นมีความเป็นตัวเอง ดังนั้นอยากให้เปิดใจเสียก่อน ก่อนที่จะไปลิ้มรสกาแฟกันครับ

ระดับการคั่วต่อไปนี้และรสชาติที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ ไม่ใช่สูตรสำเร็จตายตัว แต่จะเป็นปกติที่เรามักจะพบได้ในระดับกาแฟคั่วทั้ง 3

กาแฟคั่วอ่อน มีความเป็นผลไม้ ดอกไม้ และสมุนไพร

อย่างที่บอกไปว่า โดยปกติแล้ว กาแฟคุณภาพสูง หรือบางทีเป็นเกรดสเปเชียลตี้นั้น เรามักจะใช้การคั่วอ่อนจัดการกับกาแฟเหล่านั้น เนื่องจากการคั่วอ่อนนั้นจะทำให้สามารถดึงรสชาติของกาแฟโดยธรรมชาติออกมาได้อย่างเต็มที่

กาแฟคั่วอ่อนนั้น ส่วนมากรสชาติที่ได้จะเป็นรสของผลไม้และดอกไม้ มีความเป็น acidity ที่ค่อนข้างสดใส มีบอดี้ที่บางกว่ากาแฟคั่วเข้ม หากเราลองดื่มกาแฟที่มีเอกลักษณ์และมีความเป็นตัวเองอย่างชัดเจน ส่วนมากกาแฟเหล่านั้นจะเป็นกาแฟคั่วอ่อน

กาแฟคั่วกลาง มีความเป็นเบอร์รี ซิตรัส และคาราเมล

หลายครั้งที่กาแฟคุณภาพสูงจะคั่วในระดับคั่วกลาง เพื่อให้กาแฟนั้นมีบอดี้ที่มากขึ้นมา และสามารถที่จะสร้างสมดุลในถ้วยกาแฟได้

เมื่อคั่วกาแฟออกมาได้สมบูรณ์แบบ คุณสมบัติที่จำเป็นในกาแฟเหล่านั้นจะยังคงอยู่ แต่จะมีความพิเศษเพิ่มขึ้นมา โดยมีความหวานและความเปรี้ยวที่น้อยลงไปจะกาแฟคั่วอ่อน

กาแฟคั่วเข้ม มีรสดาร์กช็อกโกแลตถั่ว และคาราเมล

โดยปกติแล้ว กาแฟคุณภาพสูงมักจะไม่คั่วเข้มเกินไป เพราะการคั่วเข้มนี้จะไปเป็นการบดบังรสชาติโดยธรรมชาติของกาแฟเหล่านั้น

 อย่างไรก็ตาม การคั่วกาแฟโดยคั่วแบบคั่วเข้มนั้นจะส่งผลให้กาแฟของเรามี acidity ต่ำ และมีบอดี้ที่หนักแน่น อาจมีรสชาติของช็อกโกแลตและถั่ว หากเราคั่วกาแฟในเครื่องคั่วกาแฟที่ดีและมีคุณภาพ กาแฟคั่วเข้มของเราอาจมีความอร่อยได้ เหมาะสมอย่างยิ่งกับการนำไปทำกาแฟใส่ครีมหรือใส่นม อย่างกาแฟลาเต้

แต่กาแฟคั่วเข้มส่วนมากมักจะคั่วเข้มจนเกินไป ส่งผลให้เมล็ดกาแฟนั้นมีสีดำและมีแต่ความไม่ รสชาติกาแฟที่ได้ก็จะเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย หรือในบางครั้งอาจไม่เหลืออยู่เลย เหลือเพียงรสไหม้และความขมเพียงเท่านั้น

และหากเราอยากที่จะหากาแฟคั่วเข้มดื่มจริง ๆ ก็ยังคงแนะนำให้เป็นแบบ Single Origin อย่างน้อยมันก็เป็นสัญญาณที่ดีว่า เมล็ดกาแฟของเราได้คุณภาพ และจะไม่คั่วเข้มจนเกินไป บางคนกลับชอบกาแฟคั่วเข้มที่มีคุณภาพนุ่มนวลและหนักแน่นกว่าด้วยซ้ำ