วิธี เก็บกาแฟ เพื่อให้สดใหม่อยู่เสมอ

แน่นอนว่า เราทุกคนรู้ว่ากาแฟที่เก่าแล้ว กลิ่นของกาแฟจะเจือจางลง และหากกาแฟนั้นเก่ามาก ๆ จะเริ่มมีกลิ่นเหม็นหืน แต่จะแน่ใจได้อย่างไร ว่ากาแฟในครัวของคุณนั้นเป็นเมล็ดสดใหม่จริง ๆ ก่อนที่เราจะเริ่มนำเมล็ดกาแฟนั้นมาชงกาแฟแก้วต่อไป เราจำเป็นต้องคำนึงถึงรายละเอียดเหล่านี้ เพื่อให้เราแน่ใจว่ากาแฟของเราสดใหม่ และจะสามารถชงออกมาให้มีรสชาติที่ยอดเยี่ยมได้

คำถามแรกที่เราควรถามก็คือ กาแฟเสียได้หรือไม่ หรือหมดอายุเหมือนวัตถุดิบและอาหารอื่น ๆ ในครัวของเราหรือเปล่า และหากเรากินกาแฟเสียหรือกาแฟเก่านั้นเข้าไป จะทำให้เรามีปัญหาท้องไส้ไหม คำตอบคือ ไม่ กาแฟไม่สามารถที่จะเสียได้ เพียงแค่รสชาติของกาแฟจะด้อยและแย่ลงไป และมันไม่ทำให้คุณมีปัญหาท้องไส้หรือมีอาการป่วยอย่างแน่นอน อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้กาแฟของเราใช้การไม่ได้ คือการที่ปล่อยให้กาแฟของเราโดนความชื้น นั่นจำเป็นต้องโยนกาแฟนั้นทิ้งไปเลย

เมล็ดกาแฟเปรียบเสมือนอาหารแห้งชนิดหนึ่ง คล้ายกับอาหารแห้งหลายอย่างที่เราเก็บไว้ในครัว ไม่มีวันหมดอายุที่แน่นอน และหากเก็บในสภาพหรือกล่องที่เหมาะสม เมล็ดกาแฟจะมีความเสถียรในรสชาติเป็นอย่างมาก แต่ในทางกลับกัน หากปล่อยกาแฟนั้นไว้นานจนเกินไป หรือไม่ได้รับการจัดเก็บอย่างเหมาะสมแล้ว กาแฟของเราก็จะสูญเสียรสชาติและความสดใหม่ไปด้วย

แน่นอนว่าผู้ที่หลงรักในกาแฟต้องการกาแฟที่มีความสดใหม่ และมีรสชาติที่ชัดเจนอย่างที่กาแฟตัวนั้น ๆ จะให้ได้ ดังนั้นวันนี้ ผมมีคำแนะนำที่น่าจะมีประโยชน์ เกี่ยวกับการเก็บรักษาเมล็ดกาแฟของเราให้ได้นานขึ้นและสดใหม่อยู่เสมอ

กาแฟแต่ละแบบ อยู่ได้นานแค่ไหน

Coffee beans and ground coffee powder in a jars on black table copy

อายุการเก็บรักษาของเมล็ดกาแฟนั้นจะมีความแตกต่างกัน ขึ้นกับว่าเรานำเมล็ดกาแฟนั้นมาทำให้อยู่ในรูปแบบไหน เรานำเมล็ดนั้นมาบดแล้วหรือไม่ อุณหภูมิในการจัดเก็บ กาแฟของเรามีความแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด และกาแฟที่ชงแล้วนั้นจะเก็บได้นานแค่ไหน และจะเก็บไว้ได้นานกี่วัน ที่จะยังคงดึงรสชาติที่ดีที่สุดของกาแฟนั้นให้กับเราได้

กาแฟเต็มเมล็ด

การ เก็บกาแฟ เต็มเมล็ดนั้นจะสามารถเก็บได้ยาวนานที่สุด ซึ่งเป็นวิธีการที่ดีที่สุดเช่นกัน เราควรเก็บเมล็ดกาแฟไว้เต็มเมล็ดแบบนั้นจนกว่าจะนำเอามาใช้ และเมื่อต้องการนำมาใช้ ให้เราบดเมล็ดกาแฟเพียงพอต่อการดื่มในครั้งนั้นครั้งเดียว ระยะเวลาที่เก็บได้จะอยู่ที่ประมาณ 3-4 สัปดาห์

กาแฟบดแล้ว

หรือหากเราต้องการเก็บกาแฟแบบบดแล้วจริง ทางที่ดีควรจะบดกาแฟในปริมาณที่เพียงพอต่อ 1 วันที่เราจะดื่ม กาแฟนั้นจะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยระยะเวลาในการเก็บกาแฟบดแล้ว เราควรจะใช้กาแฟบดภายใน 2 สัปดาห์หลังจากที่บด

กาแฟที่ชงแล้ว

ทางที่ดีก็ควรที่จะดื่มให้หมดในทันทีเมื่อเราชงกาแฟแก้วนั้นแล้ว แต่หากจำเป็นจริง ๆ ให้อยู่ภายในวันที่เราชง หากเก็บกาแฟนั้นไว้ที่อุณหภูมิห้อง ควรดื่มให้หมดภายใน 12 ชั่วโมง แต่หากเก็บไว้ในตู้เย็น ก็สามารถเก็บไว้ได้ประมาณ 3-4 วัน

กาแฟสำเร็จรูป

Decaf Coffee copy

หากต้องเป็นกาแฟสำเร็จรูป เวลาที่ดีคือในช่วง 2 สัปดาห์ หลังจากที่เราเปิดกาแฟนั้น จะทำให้กาแฟสดใหม่ที่สุด

ปัจจัยที่มีผลทำให้เมล็ดกาแฟเสื่อมคุณภาพ

โดยปกตินั้น เมล็ดกาแฟจะชอบที่มืดและอุณหภูมิที่ค่อนข้างเย็น ดังนั้นเราจึงมีสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง หากเราต้องการจะเก็บกาแฟให้มีความสดใหม่และรสชาติดี ซึ่งสิ่งที่ควรเลี่ยงนั้นมีดังนี้

ออกซิเจน

ออกซิเจนนั้นจะทำให้กาแฟของเราเหม็นอับ เมื่อเมล็ดกาแฟของเราสัมผัสกับออกซิเจนแล้ว เมล็ดกาแฟจะเสื่อมสภาพภายในไม่กี่วัน ให้อธิบายง่าย ๆ คือ ไม่ควรให้กาแฟของเราได้สัมผัสกับอากาศภายนอก

แสงแดด

มันอาจจะเป็นอะไรที่ค่อนข้างดูดีหากเราเก็บกาแฟใส่ขวดแก้ว หรือโหลแก้วไว้ แต่ประเด็นก็คือ โหลแก้วนั้นจะทำให้แสงสว่างส่องมาถึงกาแฟของเรา และเมื่อกาแฟที่คั่วแล้วของเราโดนแสง จะทำให้มีกลิ่นอับ ดังนั้นไม่ควรปล่อยให้กาแฟของเราโดนแสงโดยตรง

ความชื้น

การสัมผัสกับความชื้นนั้น จะทำให้เมล็ดกาแฟของเราเสีย ดังนั้นจึงควรเก็บเมล็ดกาแฟที่คั่วแล้วไว้ในที่แห้งและเย็น

ความร้อน

หากเราไม่ได้ต้องการนำกาแฟนั้นมาชงดื่มทันที ไม่ควรให้กาแฟโดนความร้อน เพราะถ้ากาแฟของเราโดนความร้อนแล้วกาแฟของเราก็จะเสียรสชาติ

Kenya Coffee copy

วิธีการจัดเก็บเมล็ดกาแฟอย่างถูกต้อง

การจัดเก็บเมล็ดกาแฟอย่างถูกต้องเหมาะสมนั้น จะทำให้เมล็ดกาแฟของเราไม่เสื่อมสภาพ หรืออย่างน้อยก็เสื่อมสภาพช้าและเก็บไว้ดื่มได้นานที่สุด และนี่คือวิธีการเก็บเมล็ดกาแฟที่แนะนำ

เก็บกาแฟไว้อย่างมิดชิด

เราควรเก็บกาแฟไว้ในภาชนะทึบแสงที่ปิดมิดชิดอยู่เสมอ ไม่ควรให้มีแสงส่องผ่านกาแฟของเราได้ และเก็บภาชนะนั้นไว้ในตู้ ที่ค่อนข้างเย็นและมืด

ซื้อกาแฟไว้ในปริมาณที่พอเหมาะ

อย่าพยายามซื้อกาแฟตุนไว้มากเกินกว่าที่เราจะใช้หมดภายใน 2-3 สัปดาห์ การซื้อกาแฟไว้ในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้กาแฟของเราสูญเสียรสชาติ เพราะอย่างที่บอกว่า กาแฟจะมีความสดใหม่อยู่ได้ไม่เกิน 3-4 สัปดาห์

รักษาระดับความร้อนและความชื้น

การที่จะรักษาระดับความร้อนและความชื้นให้ค่อนข้างต่ำได้ เราควรเก็บกาแฟไว้ในตู้มากกว่าที่จะวางไว้บนเคาน์เตอร์ เพราะโดยทั่วไปแล้วในตู้นั้นจะมีอุณหภูมิที่ค่อนข้างเย็นกว่าข้างนอก

ในเมื่อกาแฟชอบที่มืดและเย็น เราเอากาแฟเก็บไว้ในตู้เย็นได้หรือไม่

อย่าที่เรารู้กันว่า กาแฟนั้นไม่ชอบอากาศแสงความชื้นและความร้อน ดังนั้นจึงมีคนคิดว่า งั้นเราก็เก็บกาแฟของเราไว้ในตู้เย็นของเราเลยน่าจะดี แต่การทำแบบนั้นมันจะดีจริงหรือไม่

คำตอบคือไม่ ยังไงก็ไม่แนะนำให้เก็บกาแฟไว้ในตู้เย็น เนื่องจากธรรมชาติของเมล็ดกาแฟนั้น เมล็ดกาแฟจะมีความนุ่มและมีรูพรุน ดังนั้นจึงสามารถที่จะดูดซับกลิ่นอื่น ๆ ได้ง่าย หากเรามีกลิ่นใด ๆ ก็ตามที่หลงเหลืออยู่ในช่องแช่แข็งของเรา กาแฟจะทำการดูดกลิ่นนั้นมาเก็บไว้ ซึ่งรสชาติกาแฟที่ได้ก็ไม่น่าจะดีเท่าไหร่

คล้ายกับขนมปัง หากเรานึกไม่ออกให้เราลองนึกภาพเราแช่ขนมปังที่อบใหม่ ๆ ไว้ในตู้เย็น โดยปกติแล้วหากนำขนมปังนั้นมาแช่ในตู้เย็น ขนมปังจะไม่มีกลิ่นหรือรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของตนอย่างเดิม และแน่นอนว่าจะมีกลิ่นอื่น ๆ เข้ามาปะปนในขนมปังของเราด้วย ถึงขนมปังของเราจะไม่ได้เสีย แต่รสชาติที่ได้ก็ไม่ได้อร่อยเหมือนอย่างเดิมแน่นอน กาแฟก็เช่นกัน คุณสามารถที่จะเก็บกาแฟไว้ในตู้เย็นได้ แต่รสชาติและกลิ่นของมันจะไม่เหมือนเดิมอย่างแน่นอน

แต่หากจำเป็นจริง ๆ หรือกาแฟของเราเป็นกาแฟใหม่ที่เรายังไม่ได้เปิด ก็ให้เรานำกาแฟนั้นแช่ตู้เย็น หรือหากเปิดแล้วก็ให้มั่นใจว่าจะไม่มีอากาศเข้าไปได้ และเวลานำมาใช้ ก็นำกาแฟนั้นมาตั้งทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องสัก เดี๋ยว

ถ้าให้เลือกระหว่างตู้เย็นกับการตั้งทิ้งไว้ที่เคาน์เตอร์ การนำกาแฟเข้าตู้เย็นเป็นทางเลือกที่ดีกว่าหรือไม่ เมล็ดกาแฟของเราเมื่อแช่เย็นแล้วจะเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ซึ่งหมายความว่าความสดใหม่และรสชาติที่ได้จะลดลง

raw coffee pouring from a handful in a bag copy

และนี่คือวิธีการที่เราจะจัดการกับเมล็ดกาแฟของเราได้ หากคุณเป็นคอกาแฟ ก็คงอยากให้กาแฟที่เราดื่มนั้นมีความสดใหม่และได้รับรสชาติอย่างเต็มที่ของกาแฟตัวนั้น ๆ ให้สมกับราคากาแฟที่เราซื้อมา