หากเราคุยกันเรื่องของดริปเปอร์ รูปแบบแรกที่หลายคนน่าจะนึกถึง อาจจะเป็น Hario V60 หรือไม่ก็เป็นรูปแบบที่น่าสนใจอย่าง Chemex ไปเลย และก็ยังมีดริปเปอร์อีกรูปแบบหนึ่งที่ใครหลายคนอาจจะใช้กันอยู่ ซึ่งก็เป็นอีกแบบที่ได้รับความนิยมพอกัน นั่นก็คือของแบรนด์ Kalita โดยเฉพาะดริปเปอร์ Kalita Wave ด้วยรูปร่างและดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ แตกต่างจาก V60 แต่ก็ไม่ใช่แค่เรื่องของรูปร่างและดีไซน์เพียงเท่านั้น Kalita ยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ทำให้การสกัดกาแฟนั้นแตกต่างจากดริปเปอร์อื่นๆ ด้วยเช่นเดียวกัน
และแน่นอน ว่าวันนี้ เราจะพาคุณมาทำความรู้จัก เรียนรู้เรื่องราวเบื้องหลังการให้กำเนิด Kalita Wave และวิธีการในการใช้งาน กาแฟที่เหมาะสมสำหรับการใช้ดริปเปอร์ตัวนี้ เพื่อที่คุณจะได้นำไปปรับใช้กับการชงกาแฟของคุณ และคุณจะได้สนุก มีความสุขกับการชงกาแฟ และการดื่มกาแฟมากขึ้นด้วย

บริษัท Kalita
Wave เป็นดริปเปอร์รุ่นหนึ่งจากบริษัท Kalita Co. ซึ่งเป็นบริษัทครอบครัว ที่ผลิตอุปกรณ์ชงกาแฟมาแล้วเนิ่นนาน มีการดำเนินกิจการมาแล้วตั้งแต่ปี 1950 ด้วยดีไซน์ที่สวยงาม และการสกัดกาแฟที่เป็นเอกลักษณ์ของ Wave ทำให้ดริปเปอร์ตัวนี้เป็นดริปเปอร์ที่มีชื่อเสียงและน่าสนใจมากจากแบรนด์ Kalita จนถึงปัจจุบัน
ลักษณะเฉพาะของKalita Wave
ดริปเปอร์ Wave ตัวนี้ แน่นอนว่าเราจะใช้ในการสกัดกาแฟแบบดริป หรือ pour-over คล้ายกับการใช้อุปกรณ์ชงกาแฟแบบ Chemex หรือดริปเปอร์ Hario V60 แต่ก็อาจจะมีความแตกต่างในเรื่องของรสชาติที่ให้ ซึ่งแน่นอน ว่าการดริปกาแฟ โดยปกติจะเป็นการให้น้ำไหลผ่านกาแฟ แตกต่างจากการสกัดกาแฟโดยใช้การแช่อย่างพวก French Press หรือ Clever
แม้จะมีความคล้ายคลึงกับทั้ง Chemex และ V60 แต่ถึงอย่างนั้น ดริปเปอร์อันนี้ก็มีลักษณะของการสกัดกาแฟที่แตกต่างกันอยู่อย่างชัดเจน แทนที่จะมีรูให้น้ำสามารถผ่านได้รูเดียว แต่ Wave มีมาให้ถึง 3 รูพร้อมกับก้นที่มีลักษณะแบน ลักษณะนี้จะทำให้การสกัดกาแฟเกินการแช่กาแฟอยู่เล็กน้อย นั่นส่งผลให้รสชาติของกาแฟที่ได้ค่อนข้างมีความชัดเจนเป็นพิเศษ สิ่งที่ได้เพิ่มมาอีกอย่างก็คือบอดี้ของกาแฟ นอกจากนี้ ตัวดริปเปอร์เองมีการสัมผัสกับตัวกระดาษกรองน้อยกว่าดริปเปอร์รูปแบบอื่นๆ ยังช่วยให้อุณหภูมิสม่ำเสมอ และน้ำสามารถกระจายตัวได้ทั่วถึงด้วย
ตัวกระดาษกรองมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือแบบ 185 และแบบ 155 กระดาษกรองแบบ 185 ก็จะใช้กับดริปเปอร์แบบ 185 ที่มีขนาดใหญ่กว่า ในทางกลับกัน กระดาษกรองแบบ 155 ก็จะมีขนาดเล็กกว่า และใช้กับดริปเปอร์แบบ 155 ซึ่งเหมาะกับการทำเสิร์ฟแค่เสิร์ฟเดียว
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการสกัดกาแฟของดริปเปอร์ Kalita Wave
ก่อนที่เราจะไปดูกันในเรื่องของรายละเอียด และวิธีการสำหรับการใช้งานดริปเปอร์ Kalita ก่อนอื่นเรามาดูกันก่อน ถึงปัจจัยที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง และส่งผลต่อการสกัดกาแฟของเรา กับการใช้ดริปเปอร์ตัวนี้
เบอร์บด
สิ่งนี้นับว่าเป็นตัวกำหนดที่สำคัญ ว่ากาแฟของเราจะชงออกมาได้ดีเพียงใด และสำหรับ Kalita แล้วนั้น การใช้เบอร์บดที่เหมาะสม ค่อนข้างที่จะจำเป็นเพราะจะทำให้กาแฟออกมายอดเยี่ยมที่สุด หากเราเปรียบเทียบหมายเลข 1 ให้เป็นการบดแบบเอสเพรสโซ่ ซึ่งเป็นการบดละเอียดมากที่สุด และหมายเลข 10 คือการบดกาแฟแบบใช้กับเครื่อง French Press ที่มีความหยาบมากที่สุด เบอร์บดที่เราจะใช้กับ Kalita ตัวนี้นั่นก็คือ 7.5 ซึ่งอยู่ในระดับกลางค่อนข้างหยาบ เคล็ดลับเล็กน้อยสำหรับการใช้เครื่องบดกาแฟ เราจำเป็นที่จะต้องเรียกเครื่องบดกาแฟที่มีคุณภาพ มีเฟืองที่ดีในระดับหนึ่ง เนื่องจากเครื่องบดกาแฟที่ไม่ได้คุณภาพ เฟืองจากไม่สามารถบดกาแฟให้ออกมามีความละเอียด และสม่ำเสมอได้

อุณหภูมิน้ำ
เรื่องต่อไปเป็นเรื่องของน้ำ ซึ่งนับว่ามีความสำคัญค่อนข้างมากเช่นเดียวกับเรื่องของอุณหภูมิน้ำ หากกาแฟของเราถูกต้มโดยน้ำที่มีอุณหภูมิสูงจนเกินไป อาจจะไปถึงอุณหภูมิจุดเดือดของน้ำ นั่นก็คืออุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส ผลที่ได้คือกาแฟของเราอาจจะไหม้ และน้ำมันหรือสารประกอบบางอย่างจะไม่รวมตัวกันอย่างเหมาะสม อุณหภูมิของน้ำที่แนะนำมากที่สุด สำหรับการสกัดกาแฟไม่ใช่แค่วิธีการนี้ แต่เป็นทุกวิธีการเลยคืออุณหภูมิอยู่ที่ 90-96 องศาเซลเซียส
อัตราส่วนการสกัด
อัตราส่วนการสกัดที่ดีและยอดเยี่ยมมากที่สุดนั้น ก็เหมือนกับการดริปกาแฟแบบอื่นๆ เราเฉพาะเจาะจงไม่ได้เลย ว่าควรจะใช้อัตราส่วนเท่าใดในการชงกาแฟ มันยังขึ้นอยู่กับตัวแปรมากมายหลากหลายปัจจัยด้วยกัน แต่จากที่ทดลอง และหลายคนให้การยอมรับ กับการใช้ดริปเปอร์ Kalita ตัวนี้อัตราส่วนที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 1:14.5 ไปจนถึง 1:16 เลยทีเดียว (อัตราส่วนของกาแฟต่อน้ำ) และแน่นอนว่าอัตราส่วนดังกล่าวนี้ ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงได้ จากหลากหลายปัจจัยอย่างเช่นกาแฟที่เรานำมาใช้ และโปรไฟล์สำหรับการคั่วกาแฟ
ถึงเวลาชงกาแฟ
เหมือนกับการดริปกาแฟจากดริปเปอร์หลายๆ ตัว สูตรสำเร็จตายตัวนั้นไม่มี แต่วิธีการดังกล่าวที่จะนำเสนอนี้ ให้คุณมองเป็นทางเลือกสำหรับการสกัดกาแฟ เผื่อว่าใครจะนำไปใช้บ้าง หรืออาจจะนำไปดัดแปลงให้เป็นวิธีการของตัวเองก็ได้ โดยการเริ่มสกัดกาแฟหรือเริ่มชงกาแฟ เราจะเริ่มกันตั้งแต่การบลูม
การบลูม
ก่อนที่จะเริ่มบลูมกัน เราจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบให้แน่ใจ ว่ากระดาษกรองของเราได้รับการล้างเรียบร้อยแล้ว โดยเราจะใช้น้ำที่เราต้มเรียบร้อย ทำการล้างกระดาษกรองของเรา แน่นอนนอกจากจะทำให้กระดาษของเราไม่มีกลิ่นกระดาษเข้าไปปะปนในกาแฟ ซึ่งจะกลายเป็นกลิ่นอันไม่พึงประสงค์แล้ว ยังเป็นการวอร์มดริปเปอร์ (ถึงแม้ว่าโดยปกติแล้ว ดริปเปอร์ Kalita จะไม่ได้สัมผัสกับกระดาษกรองมากเท่าไหร่นัก)
เมื่อเราทำการใส่กาแฟลงเป็นที่เรียบร้อย เราจะเริ่มทำการบลูม ใช้น้ำปริมาณ 2 เท่าของกาแฟ ยกตัวอย่างเช่นหากเราใช้กาแฟอยู่ที่ 15 กรัม น้ำที่เราใช้ในขั้นตอนแรกนี้ อาจจะใช้อยู่ที่ 30 มิลลิลิตร ทำการเทน้ำลงไปเพื่อบลูมกาแฟ หากกาแฟของเราสดมาก มันจะเกิดการบานออก ให้ปล่อยไว้แบบนั้นเป็นเวลาประมาณ 30 วินาที สิ่งนี้เกิดขึ้นจากการที่กาแฟของเราคล้ายแก๊ซคาร์บอนไดออกไซด์ในเมล็ด อันเกิดขึ้นจากกระบวนการคั่วกาแฟ
การสกัดกาแฟ
จากนั้นเราจะทำการเทน้ำเป็นรอบๆ รอบละเท่าไรก็แล้วแต่สะดวก หรือจะทำกี่รอบก็ได้ ซึ่งโดยปกติแล้ว เรามักจะใช้วิธีการสกัดกาแฟวิธีนี้ แล้วลงน้ำอยู่ที่ประมาณ 2-3 รอบด้วยกัน (ไม่นับรอบบลูม) ระยะเวลาทิ้งไว้ระหว่างรอบ บางคนอาจจะทิ้งไว้ประมาณ 20 วินาที หรือบางคนใช้วิธีการดูอัตราการไหลของน้ำ อันนี้ก็แล้วแต่วิธีการของแต่ละคนได้เลย เมื่อเราสิ้นสุดทุกกระบวนการแล้ว เราจะได้กาแฟพร้อมเสิร์ฟ

และนี่ก็คืออีกหนึ่งดริปเปอรที่สมควรจะซื้อมาติดโต๊ะกาแฟของคุณไว้ หรือสำหรับใครเปิดร้านกาแฟ ก็น่าที่จะซื้อมาติดร้านไว้เป็นอย่างมาก ด้วยตัวดริปเปอร์เอง ที่ให้รสชาติที่มีความแตกต่างจากวิธีการชงหลายๆ แบบ และเหนืออื่นใด ให้รสชาติที่แตกต่างจากการใช้ดริปเปอร์อื่นๆ ด้วยเช่นเดียวกัน รสชาติที่ได้จาก Kalita Waveเป็นอะไรที่น่าสนใจ และมีเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก ด้วยบอดี้ที่หนักกว่า กับรสชาติของกาแฟที่เข้มข้นกว่า เหมาะสำหรับคนที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ อาจจะใช้ V60 หรือ Chemexอยู่แต่รู้สึกว่ามันเข้มข้นน้อยเกินไป Kalita ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว