Coffee Variety: Starmaya กาแฟ Hybrid ในอุดมคติ 

กาแฟ Hybrid นั้น นับว่าเป็นพันธุ์กาแฟที่มีแนวโน้มที่จะเป็นกาแฟคุณภาพสูง สามารถที่จะให้ผลผลิตในระดับที่ดี อีกทั้งยังทนต่อการเกิดโรคสนิมในใบได้ดีด้วย ดูเหมือนว่ากาแฟในกลุ่มนี้จะเป็นกาแฟที่จะเข้ามาแก้ปัญหาวิกฤตกาแฟที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ แต่ช้าก่อน กาแฟในกลุ่มนี้ยังมีปัญหาที่น่ากังวลอยู่ คือเรื่องของการดูแลที่ค่อนข้างยาก และราคาค่อนข้างที่จะสูง

วันนี้จะพาคุณมาทำความรู้จักกับพันธุ์กาแฟ Hybrid กาแฟพันธุ์นั้นก็คือ Starmaya ที่จะสามารถมาแก้ข้อกังวลของกาแฟ Hybrid เหล่านี้ กาแฟพันธุ์นี้อาจกลายเป็นคำตอบ สำหรับปัญหามากมายในอุตสาหกรรมกาแฟ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ และกำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน 

F1 Starmaya

เหตุใดเราจึงต้องการกาแฟพันธุ์ใหม่ ๆ 

ในปัจจุบันนี้ อุตสาหกรรมกาแฟกำลังเผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งเรื่องของโรคภัย โดยเฉพาะโรคสนิมในใบกาแฟ ที่ทุกวันนี้ส่งผลกระทบต่อกาแฟพันธุ์ที่เมื่อก่อนสามารถต้านทานโรคสนิมในใบได้ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งทำให้ปริมาณพื้นที่ที่เหมาะสมกับการปลูกอาราบิก้าลดลง และการที่ศัตรูพืช สามารถที่จะเจริญเติบโต และแพร่พันธุ์ได้ในระดับความสูงที่สูงมากยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน อีกทั้งยังมีปัญหากันที่ทั้งโลกบริโภคกาแฟกันมากขึ้น โดยอัตราส่วนการบริโภคมากกว่าการผลิตที่สามารถผลิตได้ในแต่ละปี และยังมีปัญหาอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย 

คำถามที่ว่า กาแฟพันธุ์ใหม่ ๆ ที่ถือกำเนิดขึ้นมาเหล่านี้สามารถที่จะแก้ปัญหาทั้งหมดได้หรือไม่ คำตอบคือ ไม่สามารถที่จะครอบคลุมและแก้ปัญหาทั้งหมดได้อย่างแน่นอน แต่อย่างน้อยก็อาจช่วยบรรเทาปัญหาบางส่วนเหล่านี้ได้บ้าง 

มี 2 คุณลักษณะ ที่นักวิจัยและผู้ศึกษาด้านกาแฟมองหาในพันธุ์กาแฟใหม่ ๆ อย่างแรกคือเรื่องของความต้านทานโรคได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโรคที่อยู่คู่กับกาแฟ คือโรคสนิมในใบ ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างมากให้กับอุตสาหกรรมกาแฟนี้ มักจะเกิดกับกาแฟที่ปลูกบนความสูง 800-1,400 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล นี่คือความสูงของไร่กาแฟโดยเฉลี่ยในทวีปอเมริกากลาง ยิ่งไปกว่านั้น ระดับความสูงนี้ ซึ่งอยู่ในระดับที่จัดว่ามีความสูงต่ำถึงปานกลาง เป็นระดับความสูงที่เหมาะสมที่จะให้แมลงและศัตรูพืช พร้อมกับโรคต่าง ๆ ในกาแฟเจริญเติบโตได้ดี 

อีกคุณลักษณะที่นักวิจัยและผู้ศึกษาด้านกาแฟมองหาในกาแฟพันธุ์ใหม่ ๆ คือ ผลผลิต ผู้ผลิตต้องการที่จะได้ผลผลิตสูงจากพืชผลอย่างแน่นอน เพื่อให้สามารถมั่นใจได้ว่า ในฤดูเก็บเกี่ยว จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้อย่างอุดมสมบูรณ์ ไม่ใช่แค่ผลผลิตมากเท่านั้น แต่ควรเป็นผลผลิตที่มีคุณภาพด้วย คุณลักษณะนี้จะช่วยในการแก้ปัญหาการผลิต กับความต้องการของผู้บริโภคได้ 

ได้มีการวิจัยและทำงานศึกษาเกี่ยวกับการค้นหากาแฟพันธุ์ใหม่เหล่านี้เป็นเวลานานมาแล้ว จนกระทั่งได้กาแฟ F1 Hybrid มาแล้วก็ตาม จนถึงทุกวันนี้ก็ยังพยายามที่จะดึงคุณสมบัติ หรือแก้ปัญหาที่กล่าวมานี้กันอยู่ 

F1 Hybrid คืออะไร 

กาแฟ F1 Hybrid เป็นพืช Hybrid ที่ค่อนข้างใหม่ กาแฟจะถูกขยายพันธุ์เป็นจำนวนมากในเรือนเพาะชำที่มีการดูแลขั้นสูง และมักจะมีการข้ามพันธุ์กาแฟที่แตกต่างกัน มากกว่าปกติที่มีการข้ามพันธุ์กันในป่า การข้ามพันธุ์เหล่านี้ทำให้กาแฟสามารถดึงจุดเด่นของแต่ละพันธุ์ แล้วนำมารวบรวมอยู่ในกาแฟพันธุ์เดียว 

นักวิจัยจาก CATIE และ World Coffee Research (WCR) ได้ทำการวิเคราะห์ และคัดเลือกพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่มีแนวโน้มที่จะต้านโรคสนิมในใบได้ (ยกตัวอย่างเช่น Costa Rica 95) และพันธุ์กาแฟที่ให้ผลผลิตคุณภาพสูง (อย่างพวก Geisha หรือ ET47) จากพันธุ์กาแฟ 2 กลุ่มนี้ ทางทีมวิจัยต้องการที่จะคัดเลือก และสร้างกาแฟพันธุ์คุณภาพขึ้นมา ซึ่งเป็นพันธุ์ที่สามารถที่จะให้ผลผลิตสูง และยังมีความทนทานต่อโรคด้วย 

F1 Hybrid Coffee Starmaya

กาแฟตระกูล F1 Hybrid เหล่านี้ มีคุณสมบัติมากพอ และถูกพิสูจน์ออกมาถึงคุณภาพแล้ว จากงาน Cup of Excellence Nicaragua ในปี 2017 ผู้ชนะคือ กาแฟ Centroamericano ซึ่งทำคะแนนได้ถึง 90.5 คะแนน สิ่งนี้ถูกพิสูจน์ให้เห็นว่า กาแฟ F1 Hybrid เป็นกาแฟพันธุ์ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่ออนาคตของอุตสาหกรรมกาแฟ โดยสามารถที่จะรวมคุณสมบัติที่โดดเด่นของกาแฟแต่ละพันธุ์เข้ามารวมกันได้จริง ทั้งเรื่องของผลผลิตที่สูงขึ้น และความต้านทานต่อโรคได้มากขึ้น และที่สำคัญมากที่สุด ยังให้รสชาติที่ยอดเยี่ยม ตั้งแต่ในปี 2017 ในอุตสาหกรรมกาแฟก็เกิดการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ 

และดูเหมือนว่า ผู้คนก็ให้การตอบรับกับกาแฟไฮบริดเหล่านี้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในตลาดเอเชียตะวันออก ด้วยรสชาติของกาแฟที่มีคุณภาพ และความโดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์นี้เอง แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้กาแฟ F1 Hybrid จะมีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังคงมีเรื่องที่น่ากังวล นั่นคือเรื่องของราคาที่ค่อนข้างสูง ทางนี้ไม่ได้กล่าวถึงผลผลิตในขั้นสุดท้ายเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงต้นทุนในการผลิต หรือต้นทุนในการปลูกด้วย ซึ่งจะมีแต่ผู้ผลิตหรือไร่กาแฟที่ค่อนข้างมีเงินเท่านั้นที่จะสามารถผลิตกาแฟเหล่านี้ออกมาได้ 

ความท้าทายในการปลูก F1 Hybrid 

ปัญหาใหญ่ที่สุดที่ผู้ผลิตต้องเผชิญคือ การที่จะได้มาซึ่งเมล็ดพันธุ์ในการปลูก กาแฟพันธุ์ F1 เหล่านี้ ส่วนมากเป็นกาแฟที่สามารถได้มาจากการโคลนเท่านั้น ดังนั้น จึงไม่สามารถรับประกันได้เลยว่า เมล็ดพันธุ์ที่ถูกผลิตออกมาแต่ละครั้งจะมีลักษณะที่เหมือนกัน และอีกอย่าง เมื่อทำการโคลนนิ่ง นั่นหมายความว่า ค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มขึ้นมาเป็น 2 เท่า หากเทียบกับการได้มาซึ่งเมล็ดพันธุ์แบบปกติ 

ยิ่งไปกว่านั้น เมล็ดพันธุ์ที่สามารถหยิบมาใช้งานได้ยังมีอยู่อย่างจำกัด ไม่สามารถที่จะผลิตได้ตามความต้องการของไร่กาแฟ ซึ่งสิ่งนี้เป็นข้อด้อย ที่ไหนพันธุ์กาแฟดั้งเดิมส่วนใหญ่จะไม่มีปัญหา สามารถที่จะหาเมล็ดพันธุ์มาได้ ทั้งจากเรือนเพาะชำที่มีอยู่มากมาย หรือหาจากพืชที่ปลูกอยู่ในปัจจุบันก็ได้ 

แต่ กาแฟพันธุ์หนึ่งที่น่าสนใจ Starmaya จะเข้ามาแก้ปัญหาเหล่านี้ 

เหตุใด F1 Hybrid ถึงมีราคาแพง 

เราจะมาทำความเข้าใจ เกี่ยวกับปัญหาของกาแฟ F1 Hybrid กาแฟพันธุ์เหล่านี้ส่วนใหญ่แล้ว ทั้งต้นพ่อและต้นแม่ สามารถที่จะผลิตละอองเรณูได้ ซึ่งจะมีทั้งเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ (male gamete) และเซลล์สืบพันธุ์ (reproductive cell) ด้วยเหตุนี้เอง เชอรี่กาแฟที่ถูกผสมออกมา อาจเกิดกันผสมกันระหว่างเกษรตัวผู้-ตัวเมีย (ซึ่งเป็นลูกผสมที่เป็นที่ต้องการ) และอาจเป็นไปได้ที่จะเกิดการผสมระหว่างตัวเมีย-ตัวเมีย หรือ ตัวผู้-ตัวผู้ (ซึ่งเป็นลูกผสมที่ไม่ต้องการ) เนื่องจากที่ว่ามานี้เอง การที่จะทำให้กาแฟออกมาเป็นที่ต้องการ หรือประสบความสำเร็จนั้นค่อนข้างยาก เราไม่อาจรู้แน่ชัดเลยว่า ผลผลิตที่ได้จะออกมาดีหรือไม่ จนกว่าจะเก็บเกี่ยวผลผลิตนั้นออกมาได้ 

เพื่อผลิตกาแฟ F1 Hybrid ที่สามารถขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดพืชได้ นักวิจัยจึงต้องทำการค้นหาพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่ปลอดเชื้อ นั่นคือ ต้องไม่สามารถที่จะผลิตละอองเรณูได้ กาแฟยังสามารถที่จะออกดอกและให้ผลเชอรี่ซึ่งเป็นผลผลิตได้ แต่ต้องไม่สามารถผสมเกสรได้ 

Starmaya พันธุ์กาแฟแห่งอนาคต 

ในปี 2001 นักวิจัยจากศูนย์วิจัยการเกษตรของฝรั่งเศส CIRAD ร่วมกับ ECOM Agroindustrial ได้พบกับกาแฟซึ่งมีเกสรตัวผู้เป็นหมันที่ CATIE Bank ในคอสตาริกา ซึ่งในพืชนั้น การที่ตัวผู้เป็นหมันจะเป็นประโยชน์มากในการปรับปรุงพันธุ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับการนำมาใช้ประโยชน์ในการสร้างพืช F1 Hybrid ขึ้นมา 

แต่การค้นพบครั้งนี้ยังเป็นเหมือนจุดเริ่มต้น และยังคงต้องมีการวิจัยศึกษากันอีกหลายปี ได้มีการนำกาแฟที่ค้นพบนี้ไปผสมข้ามพันธุ์กับ Marsellesa ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นคือการต้านทานการเกิดสนิมในใบ จากนั้นจึงได้ทำการทดสอบ โดยการไปปลูกข้างนอกในนิการากัว หลังจากที่ได้ผลเชิงบวก ECOM จึงได้ตั้งชื่อกาแฟพันธุ์ใหม่นี้ว่า Starmaya และได้เริ่มทำการทดสอบในไร่ของเกษตรกรในปี 2017 

Starmaya Leaf

ดังนั้นจึงนับว่า กาแฟพันธุ์ Starmaya แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการปรับปรุงพันธุ์กาแฟ ชี้ให้เห็นถึงข้อจำกัดหลักในการผลิตกาแฟ F1 Hybrid และสามารถที่จะแก้ข้อจำกัดนี้ เพื่อที่จะสามารถให้เกษตรกรทั่วโลกหยิบไปใช้งานได้ 

Starmaya ยังเป็นกาแฟที่ค่อนข้างน่าประทับใจ เป็นกาแฟที่ให้ผลผลิตค่อนข้างสูง ต้านทานการเกิดโรคสนิม เมล็ดกาแฟราคาไม่แพง และที่สำคัญ คะแนนคัปปิ้งออกมาค่อนข้างน่าประทับใจเลยทีเดียว โรคสนิมในใบเป็นโรคในกาแฟที่ยังคงจะเติบโตและลุกลามขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นกาแฟ Starmaya น่าจะมาตอบโจทย์ให้กับทางผู้ผลิต และผู้บริโภคได้