วิวัฒนาการ และเทคโนโลยีในการทำงาน ฟองนม ในอุตสาหกรรมกาแฟ

ทำไมต้องตีนมให้เป็น ฟองนม ก่อนที่จะนำมาใช้ในการชงกาแฟ หลายคนน่าจะมีคำถามนี้ เมื่อครั้งที่เรายังดื่มกาแฟในช่วงแรก แต่พอดื่มไปได้สักระยะหนึ่งเราก็ค้นพบว่า การที่จะต้องทำให้นมเป็นฟอง สามารถที่จะเพิ่มความนุ่มละมุน และความเนียนให้กับเครื่องดื่มของเราได้เป็นอย่างดี ผู้คนทั่วโลกต่างชื่นชอบที่จะดื่มกาแฟที่ใส่นม ไม่ว่าจะเป็นคาปูชิโน ลาเต้ แฟลตไวท์ หรือกาแฟนมในรูปแบบที่มีอยู่มากมายหลากหลายแตกต่างกันออกไป ทั้งหมดล้วนใช้นมสตีม ที่มีฟองนมหนานุ่มกันทั้งนั้น

เครื่องดื่มกาแฟนมที่มีอยู่มากมายหลากหลายชนิดนี้ เครื่องดื่มเหล่านี้จะมีชั้นไมโครโฟม หรือที่เราเรียกกันว่า “ฟองนม” ฟองนมหนานุ่มนี้ จะมีเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นอย่างมาก มันช่างมีความนุ่มละมุน และเข้ากันได้ดีกับเครื่องดื่มกาแฟเข้ม ๆ ทำให้หลายคนหลงรักกาแฟนมได้อย่างไม่ยากเย็น สำหรับผู้ที่เริ่มดื่มกาแฟในครั้งแรก บางครั้งกับแฟนหนุ่มอาจเป็นคำตอบที่ใช่มากกว่าการดื่มกาแฟดำ นอกจากนี้ บาริสต้า ยังใช้ฟองนมเหล่านี้ในการทำลาเต้อาร์ต ให้ออกมาเป็นศิลปะสวยงามด้วย ในทุกวันนี้ เราได้เห็นสิ่งเหล่านี้ถูกใช้ในร้านกาแฟทั่วไป รวมถึงร้านกาแฟเฉพาะทางหลายแห่ง

และเพื่อช่วยอำนวยความสะดวก ให้บาริสต้าสามารถที่จะเตรียมฟองนมหนานุ่มคุณภาพสูงเหล่านี้ไว้ได้ เทคโนโลยีในการทำฟองนม จึงได้มีการพัฒนาขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ จากแต่เดิมอาจจะใช้ไอน้ำพลังสูง จนในทุกวันนี้เราเห็นเครื่องทำฟองนมอัตโนมัติบนเคาน์เตอร์ร้านกาแฟทั่วไปกันแล้ว

Micro Foam Close-up

วันนี้เราจะพามาดูวิวัฒนาการของการทำฟองนม ที่มีเราใช้ในเครื่องดื่มกาแฟหลากหลายชนิด มันมีวิวัฒนาการมาอย่างไร และปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวหน้าไปมาก มีการพัฒนาเพื่อให้สามารถได้ฟองนมที่หนานุ่มขึ้น ด้วยวิธีการที่ง่ายขึ้น อำนวยความสะดวกในการทำงานให้เร็วมากขึ้นสำหรับบาริสต้าหรือไม่อย่างไร วันนี้เราจะไปดูกัน

เทคโนโลยีที่ใช้ในการทำกาแฟ เปลี่ยนไปอย่างไรในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

ทุกวันนี้ เรามักเห็นในร้านกาแฟ ใช้ก้านสตีมนมในการทำ ฟองนม หนานุ่ม ซึ่งก้านสตีมนี่เอง นับว่าเป็นส่วนที่มีความสำคัญมากของเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ (หรือเครื่องชงกาแฟส่วนใหญ่) แต่หากเราย้อนไปแรกเริ่ม ในช่วงที่มีการประดิษฐ์คิดค้นเครื่องชงเอสเพรสโซในยุคแรก ซึ่งได้รับการจดสิทธิบัตรในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เราจะไม่ได้เห็นก้านสตีมที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้เลย กลับกัน มันมีเพียงแค่หม้อต้มหม้อเดียวเท่านั้น ซึ่งใช้ในการสกัดเอสเพรสโซโดยเฉพาะด้วย

แต่แล้ววิวัฒนาการต่อมา ในช่วงตอนต้นของศตวรรษที่ 21 บริเวณส่วนของหม้อต้มนี้ ได้กลายเป็นจุดที่ถูกให้ความสนใจในการออกแบบเครื่องชงเอสเพรสโซมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับการประดิษฐ์คิดค้น และทำการสตีมไอน้ำขึ้นมา โดยได้ออกแบบเครื่องชงกาแฟ ให้มีอยู่ด้วยกัน 2 ฟังก์ชันการใช้งาน อันหนึ่งสำหรับการสกัดเอสเพรสโซ ส่วนอีกอันสำหรับการจัดการในเรื่องของนมโดยเฉพาะ

แต่ในยุคนั้น หนึ่งจากเครื่องชงเอสเพรสโซจำนวนมาก ที่คนใช้งานกันทั่วไป ยังคงมีหม้อต้มเพียงแค่ตัวเดียวเพียงเท่านั้น บาริสต้าจึงไม่สามารถที่จะดึงช็อตเอสเพรสโซ และสตีมนมได้ในเวลาเดียวกัน สิ่งนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่ในร้านกาแฟ ที่จำเป็นต้องอาศัยเวิร์กโฟลว์เป็นสำคัญ ทำให้ช้าลงมากเลยทีเดียว และยิ่งเป็นร้านกาแฟแบบสปีดบาร์ด้วย

แต่ในปัจจุบันนี้ หากเป็นเครื่องชงกาแฟในระดับที่ค่อนข้างราคาสูง การมีหม้อต้มหลายหมอนับว่าเป็นเรื่องปกติมาก สิ่งนี้เองทำให้เวิร์กโฟลว์ในการทำงานดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ สามารถที่จะสกัดช็อตเอสเพรสโซ และสามารถสตีมนมได้ในเวลาเดียวกัน

ในช่วงที่เทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้ามากนัก การสตีมนม เป็นวิธีเดียวในการสร้างฟองนมคุณภาพสูง ที่มีลักษณะหนานุ่ม โดยการสตีมนี้ จะเป็นการดันไอน้ำกับอากาศเข้าไปในนม โดยจะใช้ไอน้ำในการควบคุมอุณหภูมิ สิ่งที่บาริสต้าทำ คือการอุ่นนม ใช้ไอน้ำและอากาศ เพื่อสร้างชั้นโฟมที่มีความสม่ำเสมอและเรียบเนียน โดยฟองอากาศที่อยู่ภายในฟองนมเหล่านี้จะมีขนาดเท่ากันทั้งหมด และมีขนาดเล็กมาก ดังนั้นจึงเรียกว่าไมโครโฟม

แต่แล้วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เทคโนโลยีมากมายในอุตสาหกรรมกาแฟได้มีการพัฒนาขึ้น เทคโนโลยีการทำฟองนม ก็มีการพัฒนาขึ้นตามไปด้วยอย่างก้าวกระโดด

การที่เราจะสตีมนมให้มีคุณภาพสูง ชั้นโฟมหนานุ่ม และมีความสม่ำเสมอเรียบเนียนนั้น จำเป็นที่บาริสต้าจะต้องใช้ทักษะ รวมถึงการฝึกฝนมากพอในระดับหนึ่งเลยทีเดียว หากในร้านกาแฟที่มีลูกค้าในปริมาณที่มาก บาริสต้าไม่สามารถที่จะมาทุ่มเท หรือเสียเวลาให้กับตรงนี้ได้มากพอ

มีปัจจัยอยู่มากมาย ที่จะทำให้ฟองนมของเราออกมาดีหรือไม่ดี ยกตัวอย่างเช่น ในเรื่องของความดัน อุณหภูมิ หรือแม้แต่ลักษณะของไอน้ำและจำนวนรูที่ปล่อยไอน้ำออกมา นอกจากตัวแปรเหล่านี้ที่อาจเกิดความผิดพลาดขึ้นแล้ว ยังมีเรื่องของความผิดพลาดอันเกิดจากมนุษย์ ดังนั้นการทำออกมาให้ยอดเยี่ยมสมบูรณ์แบบ จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก อย่างน้อยก็ในช่วงแรกของบาริสต้า

ด้วยเหตุนี้เอง เทคโนโลยีการทำฟองนมในรูปแบบอื่น จึงได้ถือกำเนิดขึ้น และมีความโดดเด่นมากขึ้นในปัจจุบัน แม้แต่แค่เรื่องของฟองนม หลายคนคิดว่าไม่น่าใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ลูกค้านั้น ต้องการฟองนมที่สวยงามและมีคุณภาพ

ยกตัวอย่างเช่น มีเทคโนโลยีหนึ่งในการทำฟองนม จากแต่เดิมการสตีมนม เพื่อทำให้เกิดฟองนมหนานุ่มนั้น เราจะใช้ไอน้ำ ซึ่งไอน้ำที่ว่าก็คือน้ำนั่นแหละ แรงดัน และอากาศ ส่วนผสมของน้ำถึงจะในปริมาณเล็กน้อย แต่ก็อาจไปเจือจางเครื่องดื่มของเราได้ มีเทคโนโลยีที่ทำการตัดน้ำเหล่านี้ออก และใช้เพียงแค่อากาศเท่านั้น ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะต่างออกไปเล็กน้อย

การใช้ระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วย

มาจากความนิยมที่เพิ่มขึ้นของการดื่มผลิตภัณฑ์กาแฟนม มีเทคโนโลยีมากมายที่เกิดขึ้นในการใช้ทำฟองนม ยังมีการพึ่งพาระบบอัตโนมัติ มาใช้ในการทำฟองนม ทั้งนี้ก็เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค ที่ต้องการฟองนมที่มีคุณภาพ และมีความสม่ำเสมอเหมือนกันทุกแก้ว

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ การทำฟองนมนั้นได้มีพัฒนาการที่สำคัญขึ้น จากแต่เดิมเราใช้ก้านสตีมในการทำฟองนม ได้มีการนำระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้งาน บางร้านกาแฟมีการนำเข้ามาใช้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งข้อดีที่สำคัญเลยก็คือ สามารถที่จะให้ฟองนมคุณภาพสูงอย่างแน่นอน อีกทั้งในเรื่องของความคงที่ ก็มีความยอดเยี่ยม อุณหภูมิที่ให้นมมีความเหมาะสม และเราจะแน่ใจได้แน่นอนว่าเหมาะสมเท่ากันทุกแก้ว

มีหลายสาเหตุ ที่ทำให้ระบบการทำฟองนมอัตโนมัตินั้น มีความโดดเด่นและกลายเป็นที่นิยมมากขึ้นในอุตสาหกรรมกาแฟ หากเราลองคิดดู ว่าการฝึกอบรมบาริสต้านั้น อาจจะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง หลายวัน หลายสัปดาห์ หรืออาจเป็นหลายเดือนก็ได้ แต่หากเราสามารถทำฟองนมได้แบบอัตโนมัติ มันแทบจะไม่ต้องเสียเวลาในการฝึกฝนเลย บาริสต้าแทนที่จะมาฝึกการสตีมนม การที่มีนมสตีม กับฟองนมหนานุ่มไว้พร้อมแล้ว อาจจะทำให้บาริสต้าไปฝึกเทลาเต้อาร์ต ซึ่งอาจมีความสำคัญมากกว่าได้ดีกว่า นอกจากนี้แล้ว ระบบอัตโนมัติ ยังสามารถให้การทำงานในร้านมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดขั้นตอนการทำงานลงไปอีกด้วย

และไม่ใช่เพียงแค่โฟมนม หรือฟองนมแบบดั้งเดิมที่เราเคยดื่มกันในอดีตแล้ว ในปัจจุบันแม้แต่ฟองนมรูปแบบต่าง ๆ ก็ได้มีการพัฒนาและเป็นที่นิยมมากขึ้นไปอีก อย่างน้อยก็ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ยกตัวอย่างเช่น โฟมเย็น ซึ่งเราจะสามารถหาดื่มได้จากร้าน Starbucks นับว่าเป็นร้านแรก ๆ ที่เปิดตัวเครื่องดื่มโฟมเย็น เปิดตัวครั้งแรกในปี 2018 มีตัวเลขที่น่าสนใจคือ ในปี 2020 ยอดขายของเครื่องดื่มกาแฟโฟมเย็นนี้ เพิ่มขึ้นในอัตราถึง 118 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่สูงเอามาก ๆ

Steam Milk for Coffee

นอกจากนี้ ยังมีวิธีการใหม่มากมาย พยายามเปลี่ยนแปลงตัวแปรมากมาย เพื่อที่จะทำให้ผลลัพธ์ฟองนมนั้นแตกต่างกันออกไป มีความแปลกใหม่และเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่นการพยายามเปลี่ยนอุณหภูมิ อย่างหากเราทำฟองนมในช่วงอุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส กับในอุณหภูมิ 75 องศาเซลเซียส ฟองนมที่ได้ก็มีความแตกต่างกันอยู่ สิ่งเหล่านี้ถูกนำไปเสนอในร้านกาแฟ ซึ่งนับว่าเป็นอะไรที่ดี สามารถที่จะสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภคได้

นอกจากเรื่องของอุณหภูมิ ที่ได้มีการทดลองเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันแล้ว การใช้ระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วย ยังมีการทดลองน้ำนมประเภทอื่น ที่มีความแตกต่างกันมากมายมาใช้งานด้วย อย่างอาจเป็นนมข้าวโอ๊ต นมอัลมอนด์ หรือนมถั่วเหลือง มาใช้ในการทำฟองนม ซึ่งหนุ่มทางเลือกเหล่านี้นับว่าเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยม และจะได้ความนิยมมากขึ้นทั่วโลก คาดการณ์ว่าในปี 2030 ผลิตภัณฑ์นมทางเลือก โดยเฉพาะนมจากพืชเหล่านี้ จะมีมูลค่าสูงถึง 71 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯเลยทีเดียว หากรู้แบบนี้แล้ว หมายความว่าร้านกาแฟหลายแห่งทั่วโลก อาจจะต้องลองปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่างดู

แต่การใช้นมทางเลือก อย่างนมจากพืชนั้น ก็อาจมีปัญหาบางประการอยู่ เนื่องจากมีโปรตีนและไขมันน้อยกว่านมวัว ดังนั้นในเรื่องของการสร้างฟองนมที่หนานุ่มนั้น จึงอาจทำได้ไม่ดีเท่ากับการใช้นมวัวเลย หากจะทำได้ ก็อาจจะต้องใช้เวลานานพอสมควรเลยทีเดียว สุดท้ายก็วนกลับมาเรื่องเดิม การใช้ระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วยในส่วนนี้ จะทำให้กระบวนการเหล่านี้ง่ายขึ้นอย่างที่เราไม่อยากเชื่อเลย

ซอฟต์แวร์และข้อมูล เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในอุตสาหกรรมกาแฟ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม้แต่ในอุตสาหกรรมกาแฟในส่วนของร้านกาแฟนี้ สิ่งที่ยังคงมีความสำคัญเลยคือเรื่องของข้อมูล และยังได้มีการนำซอฟต์แวร์สำคัญ เข้ามาใช้ในภาคส่วนนี้ด้วย ปัจจัยทั้งสองนี้นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับบาริสต้าในสมัยใหม่นี้

ทั้งข้อมูล และซอฟต์แวร์เหล่านี้ ช่วยให้บาริสต้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความรวดเร็วมากขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่ระบบอัตโนมัติ ที่มีการตั้งค่าไว้สำเร็จรูปสำหรับทำฟองนมแล้วเท่านั้น แต่ยังมีการตั้งค่าในระบบอัตโนมัติสำหรับเครื่องดื่มอย่างเอสเพรสโซด้วย ดังนั้นทุกอย่างจึงเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว

เครื่องดื่มกาแฟนมแต่ละแบบนั้น โดยปกติจะมีการตีฟองนมในระดับที่แตกต่างกัน มีการใช้นมสตีมในอัตราส่วนที่ไม่เท่ากัน ยกตัวอย่างเช่น คาปูชิโนโดยทั่วไป เราจะใส่นมสตีม และใช้ฟองนมในระดับที่มากกว่าเครื่องดื่มแฟลตไวท์ ระบบอัตโนมัติเข้ามาจัดการในเรื่องนี้ทั้งหมด

ส่วนซอฟต์แวร์ เข้ามามีประโยชน์ในภาคส่วนนี้ได้อย่างไร และจะสามารถหยิบมาใช้งานอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าต้องการสั่งเมนูใดก็ตาม แต่อาจจะมีการเปลี่ยนรูปแบบนิดหน่อย ร้านกาแฟสามารถที่จะเปลี่ยนสูตรสำหรับทำกาแฟได้ โดยใช้ฟองนมที่แตกต่างกันอย่างรวดเร็ว และไม่ทำให้กาแฟนั้นเสียรสชาติไป วิธีการนี้เป็นวิธีการที่ได้ผลมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับร้านกาแฟที่มีหลายสาขา และต้องการที่จะให้ความเข้าใจของพนักงานตรงกัน

เทคโนโลยีเหล่านี้ มาสนับสนุนการทำงานของบาริสต้าเป็นอย่างมาก เครื่องดื่มกาแฟในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกาแฟนม ได้มีการปรับปรุง และถูกพัฒนาให้ดีมากยิ่งขึ้นได้ ก็เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในระบบอัตโนมัตินี้ ดังนั้นระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วย และไม่ใช่แค่ในระดับเล็กน้อยเท่านั้น แต่เป็นระดับที่ดี และเป็นประโยชน์กับไม่ว่าจะทั้งบาริสต้าหรือตัวผู้บริโภคก็ตาม

ในด้านของบาริสต้านั้น แทนที่โดยปกติจะใช้ก้านสตีม ในการสตีมนมทีละแก้ว การมีระบบอัตโนมัติเข้ามานี้ ทำให้บาริสต้าไม่จำเป็นต้องกังวลในเรื่องนม และสามารถไปทำอย่างอื่นได้ สามารถที่จะสนับสนุนบาริสต้า ให้ทำงานบริการ หรืองานด้านอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในด้านของผู้บริโภค เมื่อร้านกาแฟที่เป็นร้านสปีดบาร์ ให้บริการกาแฟที่รวดเร็ว ผู้บริโภคก็สามารถที่จะซื้อกาแฟได้ในระดับที่รวดเร็วขึ้น

และโดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งรีบ หรือในบางครั้งร้านกาแฟต้องเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนพนักงาน ระบบอัตโนมัติเหล่านี้เข้ามาช่วยได้อย่างเต็มที่เลย นอกจากจะเป็นตัวช่วยในการทำกาแฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรสชาติมีความสม่ำเสมอแล้ว กาแฟยังได้มาตรฐานในระดับที่ดีเอามาก ๆ ด้วย

นอกจากนี้ หากบาริสต้ายังคงไม่มีประสบการณ์มากนัก ระบบอัตโนมัตินี้ยังสามารถสนับสนุน และให้ความช่วยเหลือบาริสต้าในการเตรียมเครื่องดื่มที่มีคุณภาพได้ สิ่งนี้ทำให้ง่ายต่อการฝึกฝนในการทำเครื่องดื่ม อย่างน้อยก็อาจช่วยลดเวลาในการฝึกฝนไปได้หลายชั่วโมง หรืออาจเป็นหลายวันเลยทีเดียว ซึ่งในระยะยาว การลดระยะเวลานี้สามารถทำให้บาริสต้ามือใหม่ ไปฝึกฝนในส่วนอื่นที่น่าจะมีความสำคัญมากกว่า

ยังมีสิ่งที่ระบบอัตโนมัติสามารถทำได้ แต่การสตีมนมแบบธรรมดาไม่สามารถทำได้อยู่บ้าง ยกตัวอย่างเช่นการทำฟองนมในรูปแบบต่าง ๆ อย่างการทำฟองนมที่มีลักษณะหนานุ่มเหมือนกับไอศกรีม หรืออาจจะเป็นการทำโฟมเย็น การที่ทำแบบนี้ได้ ยังสามารถนำไปดัดแปลง และใช้กับเครื่องดื่มที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น อย่างอาจจะคิดคนละทำเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ หรือทำเป็นค็อกเทลกาแฟก็ยังได้

มีไอเดียที่น่าสนใจ มีร้านกาแฟที่เปิดให้บริการเครื่องดื่มกาแฟนม รวมถึงกาแฟมากมายหลากหลายในช่วงเช้า จากนั้นช่วงกลางคืน จะมีการเปลี่ยนเป็นบาร์กาแฟ มีการเสิร์ฟเครื่องดื่มหลากหลายที่เป็นค็อกเทลกาแฟ ยกตัวอย่างเช่น เอสเพรสโซมาร์ตินี่ เป็นต้น ซึ่งหากทำแบบนี้ จะช่วยให้ธุรกิจมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น และสามารถที่จะนำเสนอประสบการณ์ใหม่ให้แก่ผู้บริโภค ประสบการณ์ใหม่และความหลากหลายที่ว่านี่เอง นับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก ในตลาดที่มีการแข่งขันสูงในระดับนี้

นอกจากนี้ อีกจุดหนึ่งที่อยากให้สังเกต คือเรื่องของการสูญเสียพลังงานและทรัพยากรบางอย่าง ที่อาจเกิดขึ้นในร้านกาแฟ อย่างการสตีมนม ในร้านกาแฟหลายร้าน มีการสูญเสียนมเหล่านี้ในปริมาณมากต่อวัน แล้วหากมองในภาพใหญ่ต่อปี มันจะดูมากยิ่งขึ้นไปอีก

แน่นอนว่าระบบอัตโนมัติ สามารถที่จะก้าวมาแก้ไขในส่วนนี้ได้ อย่างน้อยระบบอัตโนมัติก็สามารถที่จะทำให้บาริสต้าใช้นมในปริมาณที่เหมาะสมกับเครื่องดื่มแต่ละชนิด โดยที่มีการตั้งระบบข้อมูลไว้แล้ว หรือหากจะมีการสูญเสียนม ก็จะมีอัตราในการสูญเสียที่ต่ำมาก

ถึงแม้ว่าในบ้านเราจะไม่ได้มีมากนัก กับร้านกาแฟที่ลงทุนในระบบการสตีมนม ที่เป็นแบบอัตโนมัติ แต่ในเมืองนอก ร้านกาแฟหลายแห่งมีการลงทุนในเครื่องสตีมนมอัตโนมัตินี้ เพื่อใช้งานในระยะยาว

จากที่กล่าวมานี้เราจะเห็นได้ว่า การใช้ระบบอัตโนมัติในภาคส่วนการสตีมนม สำหรับใช้ในการทำฟองนมนี้ นับว่ามีประโยชน์กับร้านกาแฟ และบาริสต้าเป็นอย่างมาก นอกจากจะช่วยให้ประหยัดเวลา ทำให้บาริสต้าสามารถทำเครื่องดื่มได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ยังเป็นการลดต้นทุนที่เรามองไม่เห็นบางอย่างได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว

Steaming Milk

และเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ระบบอัตโนมัติเหล่านี้ เข้ามามีส่วนเป็นอย่างมากในอุตสาหกรรมกาแฟ อันที่จริงระบบการสตีมนมแบบอัตโนมัติ เป็นเพียงแค่หนึ่งการใช้ระบบอัตโนมัติ หรือเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในอุตสาหกรรมนี้ ยังมีอีกมากมายหลากหลายวิธี ที่เป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้ ทำให้หลายอย่างสะดวกสบาย และเกิดการพัฒนามากขึ้น

สุดท้ายนี้ ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีใหม่ จะไม่สามารถเข้ามาทดแทนมนุษย์ ซึ่งต้องดูแลร้านกาแฟได้ แต่อย่างน้อยเทคโนโลยีเหล่านี้ก็อำนวยความสะดวกให้กับมนุษย์ได้อย่างดีที่สุด ที่สำคัญ สามารถที่จะทำให้บาริสต้าผู้เชี่ยวชาญ ได้ให้บริการกาแฟคุณภาพสูงกับลูกค้าได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก