สารให้ความหวาน ส่งผลต่อรสชาติของกาแฟอย่างไร

ในขณะที่ใครหลายคน นิยมและชื่นชอบที่จะดื่มกาแฟในแบบที่ไม่ใส่นม หรือใส่น้ำตาลเพิ่มลงไปเลย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วกาแฟที่ดื่มกันแบบกาแฟดำเพียว ๆ มักจะเป็นกาแฟแบบซิงเกิลออริจินซะส่วนใหญ่ แต่ก็ยังมีหลายคน ที่ยังคงชื่นชอบ และเติมอะไรก็ตามลงไปในเครื่องดื่ม เพื่อทำให้เครื่องดื่มมีความละมุนมากขึ้น หรือเพิ่มความหวานให้กับเครื่องดื่มได้ ทำให้ดื่มง่ายมากยิ่งขึ้น บางคนอาจจะทำการใส่น้ำตาล หรือน้ำผึ้ง หรืออาจเป็น สารให้ความหวาน เทียมอื่น ซึ่งอาจจะเป็นมาจากปัญหาด้านสุขภาพบางอย่าง หรือการที่อยากจะตัดน้ำตาลออกไป

ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่า มีตัวเลือกมากมายสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความหวานให้กับกาแฟ ไม่ใช่แค่เพียงน้ำตาลอย่างเดียวเท่านั้น ยังมี สารให้ความหวาน อื่นอีกมากมาย และมันก็ทำให้ดื่มกาแฟได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่ดื่มกาแฟมือใหม่บางคน อาจจะต้องการสารให้ความหวานเหล่านี้บ้าง เพื่อทำให้สามารถดื่มกาแฟนี้ได้ง่ายมากขึ้น เป็นเรื่องจริงที่มันทำให้เราดื่มเครื่องดื่มได้ง่ายมากยิ่งขึ้น แต่คำถามต่อมาก็คือ สิ่งนี้ส่งผลต่อรสชาติของเครื่องดื่มอย่างไร เรารู้ว่ามันเพิ่มความหวานให้กับเครื่องดื่ม แต่เพิ่มความหวานไปในทิศทางใด และแต่ละ สารให้ความหวาน ให้ความหวานในระดับเดียวหรือแตกต่างกันหรือไม่ น้ำตาล แตกต่างจาก สารให้ความหวานอื่นอย่างไร วันนี้เรามาดูกัน

All of Sweeteners

ทำไมเราถึงใส่น้ำตาลลงไปในกาแฟ

หากเราจะกล่าวถึงกาแฟอย่างเดียว สิ่งนี้เป็นเครื่องดื่มที่ไม่หวานเอาซะเลย หรือถึงแม้จะเป็นเครื่องดื่มที่มีความหวาน หรือน้ำตาลตามธรรมชาติอยู่ก็ตาม แต่ก็มีในปริมาณที่เล็กน้อยเท่านั้น จนบางทีหลายคนแทบจะสัมผัสถึงความหวานนั้นไม่ได้เลย ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่บางคนอาจจะไม่ชอบรสชาติของความเข้มข้น หรือความเป็นกรดที่ให้รสเปรี้ยวมากจนเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รสชาติขมในกาแฟคุณภาพต่ำ และวิธีแก้ไขปัญหาที่ง่ายดายมากที่สุดของคนส่วนใหญ่ คือการเพิ่มสารให้ความหวานลงไปนั่นเอง

พอพูดถึงการใส่น้ำตาลลงไปในกาแฟ หลายคนมักจะไม่ชอบใจ และบอกว่า มันอาจทำให้สูญเสียเอกลักษณ์ของกาแฟตัวนั้นไป แท้จริงแล้วเรื่องแบบนี้ก็เป็นประสบการณ์ส่วนตัว ไม่มีถูกหรือมีผิด บางคนดื่มกาแฟเพื่อที่จะได้เพลิดเพลินกับเครื่องดื่มชนิดนี้ บางทีการใส่สารให้ความหวานลงไปอาจจะทำให้เพลิดเพลินมากกว่า กาแฟที่มีรสขมจนเกินไป อาจเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งในเรื่องของเมล็ดกาแฟที่ด้อยคุณภาพ และการคั่วที่มากจนเกินไป หรืออาจจะเป็นในตอนที่สกัดออกมาไม่ดีมากนัก ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยใดก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วเครื่องดื่มก็จะมีรสขม อาจจะทำให้ไม่อร่อยก็ได้ และก็มีอีกเหตุผลหนึ่ง คือบางคนดื่มกาแฟเพื่อที่จะได้เอาคาเฟอีน ไม่ได้ดื่มกาแฟเพื่อที่จะได้เพลิดเพลินหรือทำความรู้จักกาแฟแต่อย่างใด

การใส่สารให้ความหวานลงไปในกาแฟร้อน หรือกาแฟเย็นก็ตาม ทำให้เครื่องดื่มนั้นมีความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น และน่าจะถูกปากใครได้ง่ายมากขึ้น อีกทั้งอย่างที่บอกไป มันยังทำให้กาแฟนั้นดื่มง่ายมากขึ้น โดยเฉพาะกับผู้ที่ไม่ค่อยได้ดื่มกาแฟบ่อยมากนัก

ถึงแม้กับบางคน ที่มักจะคุ้นเคยกับการดื่มกาแฟดำ หรือดื่มกาแฟที่ไม่ได้ใส่น้ำตาล หรือสารให้ความหวานได้ลงไปเลยก็ตาม แต่ไม่ว่าอย่างไรเราก็ต้องยอมรับ ว่าสารให้ความหวานเหล่านี้ก็สามารถที่จะช่วยเราได้มาก โดยเฉพาะในกรณีที่กาแฟของเราเก่า หรือในกระบวนการคั่วกาแฟไม่ได้ดีมากนัก ซึ่งเหล่านี้จะทำให้กาแฟของเรามีรสแบน มีความฝาด และมีความคมแบบที่ไม่น่ากิน สารให้ความหวานเหล่านี้เข้ามาช่วยจัดการปัญหาตรงนี้ได้ นอกจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นสารให้ความหวานชนิดใดก็ตาม ก็จะสามารถชดเชยรสชาติที่ไม่อร่อยตรงนี้ และอาจทำให้กาแฟมีความกลมกล่อมขึ้นเล็กน้อยได้ด้วย

ประเภทของสารให้ความหวาน และผลกระทบต่อรสชาติของกาแฟ

การที่เราสามารถนำเสนอความหลากหลายในพันธุ์กาแฟ ซึ่งทำให้รสชาติของกาแฟมีความแตกต่างกันออกไปได้นั้น เราต้องขอบคุณแหล่งปลูกกาแฟทั่วโลก ที่ทำให้กาแฟมีความแตกต่างกัน เราต้องขอบคุณกรรมวิธีการโปรเซสกาแฟ และโปรไฟล์การคั่ว เหล่านี้สามารถสร้างความหลากหลายในรสชาติของกาแฟได้ และนี่คือสาเหตุที่กาแฟบางชนิด มีความหวานโดยธรรมชาติมากกว่ากาแฟชนิดอื่น รสชาติของกาแฟจะมีความแตกต่างกันไปอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่กล่าวมาเหล่านี้ และยังมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย

การที่จะเลือกสารให้ความหวานใดก็ตาม เข้ามาใส่ในเครื่องดื่มของเรานั้น อาจจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก น้ำตาลไม่ใช่ทางเลือกเดียวที่จะนำมาใช้ ถึงจะเป็นทางเลือกที่ง่ายดายมากที่สุดก็ตาม ดังนั้น วันนี้เราจะมาดูประเภทของสารให้ความหวานกัน วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะแบ่งแยกประเภทของสารให้ความหวานเหล่านี้ คือเราจะแบ่งน้ำตาลออกเป็น 3 ประเภท ประเภทแรกคือน้ำตาลที่เป็นน้ำตาลจริง ประเภทต่อไปคือสารให้ความหวานเทียม และสุดท้ายคือสารให้ความหวานจากธรรมชาติ

น้ำตาลที่เป็นน้ำตาลจริงนั้น ก็ยังแบ่งแยกย่อยออกไปได้ 3 รูปแบบ คือน้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายแดง และน้ำตาลดิบ

น้ำตาลทรายขาวนั้น โดยทั่วไปจะใช้เพื่อทำให้กาแฟมีรสหวาน โดยที่ไม่ทำให้รสชาติโดยรวมของเครื่องดื่มนั้นเปลี่ยนไปมากเท่าไหร่ เช่นเดียวกับน้ำตาลดิบ แต่น้ำตาลดิบข้อดีคือจะมีรสชาติที่ค่อนข้างอ่อนกว่า แต่ในน้ำตาลทรายแดงนั้น จะมีรสชาติที่ค่อนข้างหนักกว่า ซึ่งอาจเกิดจากการเติมกากน้ำตาลในกระบวนการผลิตลงไป สิ่งนี้ทำให้รสหวานที่เกิดขึ้นในน้ำตาล มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น หากนำมาเติมในเครื่องดื่มของเรา อาจทำให้รสชาติเครื่องดื่มของเราเปลี่ยนไปมากเลยทีเดียว

นอกเหนือจากการใช้น้ำตาลแล้ว ยังมีการใช้สารให้ความหวานเทียมอื่นร่วมด้วย ซึ่งสารให้ความหวานเทียม หรือสารให้ความหวานแทนน้ำตาลนี้ เป็นที่รู้จักกันในช่วงศตวรรษที่ 20 และถูกนำมาใช้กับเครื่องดื่มแทบจะทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นการนำมาชงกับกาแฟ ชา หรือน้ำอัดลมที่ไร้น้ำตาล หลายคนเปลี่ยนไปใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลนี้เป็นการถาวร เพื่อลดการบริโภคน้ำตาล ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป แต่ถึงอย่างนั้น น้ำตาลเทียม หรือสารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลเหล่านี้ ก็มีส่วนประกอบทางเคมีอยู่ นั่นแปลว่า มีระดับการใช้งานที่แนะนำต่อวัน อีกทั้งยังมีรสชาติที่แตกต่างกันออกไปตามแต่สารให้ความหวานด้วย

สารให้ความหวานที่พบได้บ่อยมากที่สุด 4 ชนิดได้แก่

  • Sucralose (Splenda)
  • Aspartame (Equal, Nutrasweet)
  • Saccharin (Sweet’N Low, Sugar Trim, ขัณฑสกร)
  • Stevia (SweetLeaf, Truvia, หญ้าหวาน)

Aspartame และขัณฑสกรนั้น เป็นสารให้ความหวานที่ไม่มีแคลอรี่ Sucralose อาจจะเป็นสารให้ความหวานที่มีแคลอรี่อยู่บ้างเล็กน้อย แต่ก็น้อยกว่าน้ำตาลอยู่มาก เพราะโดยทางเทคนิคแล้ว สารให้ความหวานทดแทนนี้ ก็คือแอลกอฮอล์ที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลักนั่นเอง

Sugar in Coffee

ส่วนหญ้าหวานนั้น นับว่าเป็นพืชที่มีใบรสหวาน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า เราไม่ได้นำใบของมันมาบด แล้วใส่ลงไปในเครื่องดื่มโดยตรงเลย ต้องทำการสกัด ให้มีความเข้มข้นสูงก่อน ดังนั้นถึงแม้จะเป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาลตามธรรมชาติก็ตาม แต่ก็จำเป็นต้องผ่านการสังเคราะห์ การสกัด และแปรรูปเพื่อให้สามารถหยิบมาใช้งานได้เหมือนกัน

ไหน ๆ เราก็คุยถึงเรื่องสารให้ความหวานตามธรรมชาติกันไปแล้ว มีสารให้ความหวานตามธรรมชาติอื่นอีกมากมาย ไม่ใช่มีแค่เพียงหญ้าหวานเท่านั้น สารให้ความหวานตามธรรมชาติบางส่วนที่เราจะมานำเสนอ ยกตัวอย่างเช่น น้ำผึ้ง น้ำเชื่อมเมเปิ้ล และโมลาสหรือกากน้ำตาล

นอกจากนี้ ยังมีสารให้ความหวานจากธรรมชาติอื่น ที่ก็ยังคงนับเป็นสารให้ความหวานเช่นเดียวกัน เช่น น้ำผลไม้ปั่น หรือน้ำผลไม้คั้นสด น้ำหวานจากเกสรดอกไม้ น้ำว่านหางจระเข้ และน้ำเชื่อมที่ได้จากพืชชนิดอื่นอีกมากมาย ซึ่งสารให้ความหวานเหล่านี้ ค่อนข้างมีรสชาติที่แรงและเป็นเอกลักษณ์อยู่แล้ว ดังนั้นจึงค่อนข้างส่งผลมากต่อกาแฟของเรา ขึ้นอยู่กับสารให้ความหวานที่เราเลือก

วิทยาศาสตร์เบื้องหลังรสหวาน

แล้วเราจะมาชวนมองลึกลงไปอีก ว่าสารประกอบใดในน้ำตาล หรือสารให้ความหวานอื่น ที่เข้าไปเปลี่ยนรสชาติของกาแฟของเรา

น้ำตาล จัดเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ประกอบด้วยอะตอมของคาร์บอน ออกซิเจน และไฮโดรเจน น้ำตาลมีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภทหลัก หากเราทำการแบ่งตามวิธีการจัดเรียงอะตอม น้ำตาลสามประเภทที่ว่านี้ได้แก่ โมโนแซ็กคาไรด์ ไดแซ็กคาไรด์ และโพลีแซ็กคาไรด์

โมโนแซ็กคาไรด์ คือน้ำตาลอย่างที่เรารู้จักกัน ซึ่งน้ำตาลทั่วไปนี้จะประกอบไปด้วยกลูโคส ฟรุกโตส (พบได้ในน้ำผึ้งและผลไม้) และกาแลคโตส (พบได้ในนม)

ไดแซ็กคาไรด์ เป็นน้ำตาลที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น น้ำตาลประเภทนี้จะประกอบไปด้วยซูโครส และแลคโตส โมโนแซ็กคาไรด์ และไดแซ็กคาไรด์ รวมถึงน้ำตาลส่วนใหญ่ที่เราน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว หน้าที่หลักคือให้รสหวาน ยกตัวอย่างเช่นซูโครส หรือที่เรารู้จักกันทั่วไปคือน้ำตาลแบบปกติ ซึ่งได้มาจากอ้อยหรือบีทรูท

น้ำตาลแบบสุดท้ายคือโพลีแซ็กคาไรด์ เหล่านี้จะประกอบไปด้วยเดกซ์ทริน และเซลลูโลส มักจะพบได้ทั่วไปในใยอาหารจากพืช และเป็นแหล่งอาหารที่เหมาะสมมากที่สุดในการไดเอท

แต่บรรดาสารให้ความหวานแทนน้ำตาลนั้น จะมีความแตกต่างจากน้ำตาลจริงอยู่เล็กน้อย โดยทั่วไปเราจะเรียกสารเหล่านี้ว่า สารให้ความหวานแทนน้ำตาลอยู่แล้ว นอกจากนี้บางคน ยังเรียกสารให้ความหวานชนิดนี้ว่า สารให้ความหวานที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ เนื่องจากสารให้ความหวานเหล่านี้ เป็นสารที่มีแคลอรี่น้อยกว่าน้ำตาลมาก หรือบางตัวอาจจะไม่ให้แคลอรี่เลย สารให้ความหวานเหล่านี้ เป็นสารที่ผ่านกระบวนการผลิต ทั้งการแปรรูปและการกลั่น หลากหลายขั้นตอนกว่าจะมาเป็นน้ำตาลเทียม

ถึงจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่สารให้ความหวานเหล่านี้ส่วนใหญ่ สามารถใช้ทดแทนน้ำตาลได้จริง และใช้ทดแทนน้ำตาลในอัตราส่วนเดิม ยกตัวอย่างเช่น เราสามารถใช้น้ำตาลมะพร้าว, turbinado หรือ demerara ในการทดแทนน้ำตาลจริงในอัตราส่วนเท่าเดิมเลย

ในทางกลับกัน สารให้ความหวานบางชนิด ก็เป็นสารให้ความหวานที่มีความเข้มข้นสูงกว่าน้ำตาลธรรมดาอยู่มาก ซึ่งแน่นอนว่าหากเราจะนำไปใช้ ก็จำเป็นที่จะต้องใช้ในระดับที่ต่ำกว่าน้ำตาลมาก เพื่อให้ได้ความหวานในปริมาณเท่ากันกับน้ำตาล ตัวอย่างที่เรามักจะพบได้บ่อยคือ acesulfame potassium, aspartame และ sucralose

ไม่ว่าเราจะใช้น้ำตาลแบบไหนในการใส่ลงไปในเครื่องดื่ม  อาจจะเป็นน้ำตาลจริง สารให้ความหวานแทนน้ำตาล หรือสารให้ความหวานตามธรรมชาติ เพื่อที่จะปรับเปลี่ยนรสชาติของเครื่องดื่มของเรา นอกจากรสชาติของเครื่องดื่มจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจริงแล้ว ยังมีปฏิสัมพันธ์บางอย่าง เกิดขึ้นภายในเครื่องดื่มของเราด้วย

วิทยาศาสตร์ชี้ให้เห็นในเรื่องนี้ โดยนอกจากเครื่องดื่มของเราจะมีความหวานที่มากขึ้นแล้ว น้ำตาลเหล่านี้ยังมีผลอื่น อีกหลากหลายประการด้วย ดังนั้นเราจึงสามารถกล่าวได้ว่า การใส่น้ำตาลลงไปในเครื่องดื่มของเรา มันทำได้มากกว่าแค่ทำให้เครื่องดื่มของเรามีรสหวานขึ้นเท่านั้น (ข้อมูลจาก Yale Scientific)

จากข้อมูลมีการบอกไว้ว่า น้ำตาล สามารถที่จะเพิ่มความสามารถในการละลายน้ำ และความเข้มข้นของโมเลกุลคาเฟอีนเดียว ในขณะที่ทำการลดสิ่งที่เรียกว่า โอลิโกเมอร์ของคาเฟอีน (โมเลกุลของคาเฟอีนหลายตัวรวมกัน)

และนอกจากนี้ สิ่งที่หลายคนน่าจะพอรู้อยู่แล้วก็คือ น้ำตาลเหล่านี้จะเข้าไปเพิ่มพลังงานที่เราควรจะได้ จากเดิมกาแฟดำของเราอาจจะไม่มีแคลอรี่เลย แต่การใส่น้ำตาลลงไปเพิ่ม แน่นอนว่าเป็นการเพิ่มแคลอรี่ให้กับเครื่องดื่มนั้น สิ่งนี้เป็นสิ่งที่จะต้องหยิบมาพิจารณาด้วยหากอยากจะเลือกน้ำตาลมาใช้

เมื่อใดควรใส่สารให้ความหวาน และเมื่อใดไม่ควรใส่

หากเราจะกล่าวว่า เมื่อไหร่ที่เราควรใช้และเมื่อไหร่ที่เราไม่ควรใช้สารให้ความหวานเหล่านี้ ก็จริงอยู่ที่มันขึ้นกับความชื่นชอบส่วนบุคคล แต่ละคนอาจเลือกที่จะใส่หรือไม่ใส่สารให้ความหวานชนิดใดก็ได้ ไม่ได้มีข้อกำหนดหรือข้อบัญญัติ ว่าจำเป็นจะต้องใส่หรือไม่ใส่เมื่อไร สิ่งเหล่านี้นับว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ละคนมีความชื่นชอบในรถหวานที่แตกต่างกันออกไป บางคนอาจต้องการให้เครื่องดื่มมีความหวานตามธรรมชาติ ก็เลยเลือกใช้วิธีการสกัดกาแฟ ที่แตกต่างออกไป หรือบางคนต้องการความหวานแบบจริง ๆ อาจจะเลือกใส่สารให้ความหวานซักตัวลงไป แม้แต่สารให้ความหวานเอง ก็ยังคงให้รสชาติ และกลิ่นที่แตกต่างกันด้วย

แต่สิ่งที่สำคัญ ในมุมมองของร้านกาแฟหรือบาริสต้านั้น จำเป็นที่จะต้องทำให้การดื่มกาแฟ สามารถเข้าถึงได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นคอกาแฟที่ดื่มกาแฟอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว หรือมือใหม่ที่ต้องการจะหักดื่มกาแฟ บางทีการใส่สารให้ความหวานบางอย่างลงไปเพิ่ม อาจจะช่วยให้การดื่มกาแฟนี่ง่ายดายมากยิ่งขึ้นก็ได้

ผู้ที่ดื่มกาแฟเป็นระยะเวลานานแล้ว บางคนอาจสนับสนุนให้ผู้ที่ดื่มกาแฟคนอื่น ว่าไม่ควรเติมสารให้ความหวานใดลงไปเลย หรือแม้แต่การใส่นมลงไปเพิ่ม ก็อาจถือเป็นความผิดบาปได้ แต่อย่าลืมว่า เมนูกาแฟนมก็มีให้เห็นอยู่ หรือเมนูกาแฟที่แทบจะเป็นของหวานก็ยังมีอยู่เหมือนกัน ดังนั้นเราจึงน่าจะควรดื่มกาแฟแบบที่เราชอบ แบบนี้จะทำให้มีความสุขกับการดื่มกาแฟมากที่สุด

แต่สำหรับใครที่ต้องการจะลด หรือเลิกใส่น้ำตาลลงไปในเครื่องดื่ม และอยากหันมาดื่มกาแฟดำจริง แต่ก็ไม่อยากใส่สารให้ความหวานเทียมอื่นลงไปด้วย เราก็มีข้อแนะนำบางอย่าง ขอแนะนำที่ว่านั้นคือ พยายามอย่าดื่มกาแฟที่มีรสขมมากจนเกินไป ซึ่งกาแฟที่มีรสขมมาก ส่วนใหญ่อาจเกิดจากการคั่วที่มากจนเกินไป การคั่วที่มากจนเกินไป ก็อาจจะเป็นเพราะว่า ต้องการที่จะไปกลบรสชาติและกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ของเมล็ดกาแฟแต่ดื่ม ดังนั้นสิ่งที่เราควรทำ คืออาจจะเลือกซื้อกาแฟคุณภาพสูง ที่ไม่ผ่านการคั่วมากจนเกินไป เพื่อให้กาแฟไม่ขม และมีความหนักมากจนเกินไปนั่นเอง

หากเลือกเมล็ดกาแฟที่ถูกต้อง และถูกใจเรา กาแฟของเราจะมีความขมน้อยลง ทำให้เราอาจจะใส่สารให้ความหวานเหล่านี้ หรือน้ำตาลลงไปในปริมาณที่น้อยลง เพราะเราไม่จำเป็นต้องสอนรสชาติที่ไม่พึงประสงค์เหล่านี้ไว้แล้ว

Coffee Add Sugar

แม้ว่าสารให้ความหวาน จะทำให้ความขมของกาแฟนั้นสมดุลขึ้น และเปลี่ยนรสชาติโดยรวมของกาแฟไปเลย แต่สิ่งนี้ก็ไม่ได้ผิดอะไร ท้ายที่สุดแล้วเราก็ควรที่จะได้ดื่มกาแฟในแบบที่เราชอบ กรรมวิธีการเตรียมแบบที่เราพึงพอใจ และพยายามค้นหารสชาติที่เราชอบมากที่สุด สิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับการพยายามทดลองสิ่งใหม่ทั้งนั้น ถึงแม้จะเป็นการทดลองใส่สารให้ความหวานใดลงไปก็ตาม แม้ว่าจะสามารถให้รสหวานได้เหมือนกัน แต่การใส่น้ำตาลทราย กับการใส่น้ำตาลทรายแดง หรือการใส่สารให้ความหวานอื่นลงไป ก็ทำให้รสชาติของเครื่องดื่มของเราแตกต่างกันได้

ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าเราจะใส่รสหวานแบบไหนลงไปในเครื่องดื่มของเรา สิ่งที่เราต้องแน่ใจคือ เราควรที่จะเลือกซื้อเมล็ดกาแฟที่ดี เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพสูง และหลายคนอาจจะเจาะลึกไปถึงแหล่งที่มาที่มีความเป็นธรรมให้กับผู้ผลิต และเกษตรกรด้วยก็น่าจะดี ไม่แน่ใครต้องการที่จะเลิกกินน้ำตาล หรือต้องการที่จะบริโภคน้ำตาลให้น้อยลง สิ่งนี้อาจทำให้เราค้นพบว่า การใช้เมล็ดกาแฟ จากแหล่งผลิตที่ดี เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพ ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายเหล่านี้ อาจจะทำให้เราไม่จำเป็นต้องใช้น้ำตาลเลยโดยสิ้นเชิง